แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์โดยตรงในข้อที่ว่าขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองก็ตาม แต่การที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองเป็นการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ในทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงชอบที่จะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองได้ หาเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ให้ข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กับจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในความผิดที่ศาลพิพากษามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นจำคุก 3 ปี ก่อนลดโทษชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 หรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์โดยตรงในข้อที่ว่าขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองก็ตาม แต่การที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านว่า การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองเป็นการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ในทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงชอบที่จะพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองได้ หาเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยทั้งสองอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้งสองขอให้ลงโทษสถานเบาตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีจำนวน 25 เม็ด พฤติการณ์แห่งคดียุติแล้วว่าจำเลยทั้งสองมิใช่ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ทั้งจำเลยทั้งสองยังให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและนำสืบรับว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องได้ภายในบ้านของจำเลยทั้งสอง เชื่อว่าจำเลยทั้งสองรู้สำนึกถึงการกระทำความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง 3 ปี ก่อนลดโทษให้นั้นหนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกคนละ 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2