คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มอบอำนาจให้สามีโจทก์เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนประกอบกับสามีโจทก์เบิกความรับรองว่ายินยอมให้โจทก์ฟ้องคดี ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขายที่ดินสินเดิมของโจทก์ให้แก่จำเลยเป็นเงิน ๘๕๕,๗๐๐ บาท และได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยสั่งจ่ายเช็คไม่ลงวันที่ให้แก่สามีโจทก์ ๒ ฉบับ จำนวนเงินฉบับละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นการชำระค่าที่ดิน โดยตกลงกันว่า เช็คทั้ง ๔ ฉบับ จะนำไปขึ้นเงินได้ต่อเมื่อจำเลยได้รับเงินจากบุคคลผู้มีชื่อ ต่อมาจำเลยชำระเงินตามเช็ค ๒ ฉบับที่สามีโจทก์เป็นผู้ทรงให้แล้ว ส่วนเช็คอีก ๒ ฉบับที่โจทก์เป็นผู้ทรง โจทก์ได้ลงวันที่ในเช็คแล้วนำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงยังคงเป็นหนี้ค่าที่ดินโจทก์อยู่อีก ๔๕๕,๗๐๐ บาท โจทก์ได้มอบอำนาจให้นาวาอากาศโทบุญโสมสามีโจทก์เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง ขอให้จำเลยชำระค่าที่ดินที่ค้างอยู่เป็นเงิน ๔๕๕,๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ซื้อที่ดินตามฟ้องจากโจทก์และได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของจำเลยแล้วจริง โดยซื้อขายกันในราคาเพียง ๑๒๐,๐๐๐ บาท และโจทก์ได้รับเงินไปจากจำเลยครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว เงินจำนวน ๘๕๕,๗๐๐ บาท นั้น เป็นเงินที่จำเลยเอาเช็คดังกล่าวในฟ้องไปขอแลกเงินสดมาจากโจทก์และสามีโจทก์เพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อื่นที่ฟ้องคดีอยู่ เนื่องจากเช็คดังกล่าวขาดอายุความแล้ว โจทก์จึงเปลี่ยนเป็นฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินโดยอ้างว่าจำเลยชำระหนี้เป็นเช็คไว้ให้ และเช็คดังกล่าวจำเลยก็มิได้รับเงินครบถ้วนโดยจำนวนเงินในเช็คโจทก์ได้รวมดอกเบี้ยซึ่งสูงกว่ากฎหมายเข้าไว้ด้วย โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามีจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๕๕,๗๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในปัญหาแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้รับความยินยอมจากสามี เห็นว่า คดีนี้โจทก์มอบอำนาจให้นาวาอากาศโทบุญโสม เผื่อนน้อย สามีโจทก์เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.๑ ประกอบกับสามีโจทก์เบิกความรับรองและยืนยันว่ายินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงถือได้ว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากสามีโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาว่า ตามหนังสือสัญญาขายที่ดินระบุที่ดินราคา ๑๒๐,๐๐๐ บาท และผู้ขายรับเงินไปเรียบร้อยแล้ว การที่โจทก์กลับนำสืบว่า ราคาที่ดินเป็นเงินจำนวน ๘๕๘,๗๕๐ บาท เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาซื้อขายนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ บัญญัติห้ามเฉพาะการนำพยานบุคคลเข้าสืบแทนพยานเอกสารหรือประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความในเอกสารในเมื่อมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบถึงบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับราคาที่ดินตลอดจนเงื่อนไขการชำระราคาที่ดินอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากหนังสือสัญญาขายที่ดินที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น หาต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ โจทก์จึงนำสืบได้
พิพากษายืน

Share