แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่าได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/92
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ฐานไม่เข็ดหลาบ จำเลยให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๑ รับในข้อเคยต้องโทษ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๑๕ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติม เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ คงถูกจำคุก ๒๐ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์และทนายจำเลยฟังก่อน เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๑ ส่วนตัวจำเลยต้องคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ศาลชั้นต้นจึงส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๑ แต่ปรากฎว่าโจทก์ยื่นฎีกาไว้ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๙๑ และศาลชั้นต้นได้สั่งรับฎีกาไว้ในวันเดียวกับที่ยื่นนั้น ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่า ได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย
ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังได้เช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน.