แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้เหล็กแหลมสำหรับนำหวายในการจักสานยาวทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่บริเวณลิ้นปี่และท้องน้อยข้างซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 3 มิลลิเมตร และมีบาดแผลที่กระเพาะอาหารขนาด 0.5 เซนติเมตร จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญโดยตั้งใจ จึงฟังได้ว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายโดยเจตนาทำร้าย ไม่ใช่โดยเจตนาฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 โดยบรรยายฟ้องด้วยว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินยี่สิบวันเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษได้ตาม ป.อาญา มาตรา 297 ประกอบ ป.วิ.อาญา มาตรา 192
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เหล็กแหลมยาวประมาณ ๖ นิ้ว เป็นอาวุธแทงนักโทษชายอำนวย เรียนเวช ผู้เสียหายหลายครั้งโดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณลิ้นปี่และท้องน้อยข้างซ้าย จำเลยได้กระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผล ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย แต่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๙๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายจริงแต่เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ปรากฏว่าแพทย์ตรวจพบบาดแผลขนาด ๓ มิลลิเมตร ที่บริเวณลิ้นปี่และท้องน้อยข้างซ้าย โดยบาดแผลที่กระเพาะอาหารมีขนาด ๐.๕ เซนติเมตร อาวุธที่จำเลยใช้แทงนั้น คงได้ความเพียงว่า เป็นเหล็กแหลมใช้สำหรับนำหวายในการจักสานยาวทั้งด้ามประมาณ ๖ นิ้ว ส่วนพฤติการณ์และสาเหตุของการแทงนั้นได้ความเพียงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญโดยตั้งใจกรณีฟังได้ว่า จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายโดยเจตนาทำร้าย ไม่ใช่โดยเจตนาฆ่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ โดยบรรยายฟ้องด้วยว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิดยี่สิบวันตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่กระเพาะอาหาร แพทย์ต้องผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหารและจากบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษ จำเลยในข้อหาพยายามฆ่า ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗