คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบว่าจะไม่ต่อสัญญาเช่าให้อีก และเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้ให้เช่าก็มีหนังสือบอกกล่าวอีกฉบับหนึ่งให้ผู้เช่าออกไปและให้ส่งคืนตึกที่เช่า ดังนี้ แม้ผู้เช่าจะยังคงครอบครองตึกพิพาทอยู่อีก ก็จะถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันได้ทำกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาหาได้ไม่ ต้องถือว่าสัญญาเช่าระงับไปแล้ว และการที่ผู้ให้เช่ายังคงเก็บค่าเช่าต่อไปอีก 3 เดือนนั้น เป็นเรื่องผู้ให้เช่ากระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่ได้รับอยู่เท่านั้น หาใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยให้การว่าได้ตกลงต่ออายุสัญญาเช่ากันด้วยวาจาออกไปอีก ๓ ปี แม้สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยยังอยู่ ทั้งโจทก์เก็บค่าเช่าจากจำเลยตามเดิมขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ก่อนสัญญาเช่าจะครบกำหนด โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทราบว่า เมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับ โจทก์จะไม่ต่อสัญญาเช่าให้จำเลยต่อไป ให้จำเลยออกจากตึกพิพาท ครั้นสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยยังครอบครองตึกพิพาทอยู่ โจทก์จึงได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกพิพาท และมอบตึกพิพาทคืนให้โจทก์ เห็นได้ชัดว่า แม้จำเลยจะยังคงครอบครองตึกพิพาทอยู่ โจทก์ก็ได้บอกกล่าวแล้วว่าไม่ประสงค์จะต่อสัญญาเช่าให้ต่อไป ให้จำเลยออกจากตึกพิพาทถึงสองครั้งดังนี้ จะถือว่าโจทก์มิได้ทักท้วงและจะถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันได้ทำกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๐ หาได้ไม่ ต้องถือว่าสัญญาเช่าระงับไปแล้ว ปัญหามีต่อไปว่า การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่ามาอีก ๓ เดือนนั้น จะถือได้หรือไม่ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยใหม่แล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือบอกกล่าวของโจทก์ฟังดังกล่าวข้างต้นทั้งสองฉบับ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกพิพาทต่อไปแล้ว ฉะนั้นการที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลย จึงมิใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่
เป็นเรื่องโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายซึ่งโจทก์ได้รับอยู่เท่านั้น
พิพากษายืน

Share