คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีกล่าวขึ้นในขณะโมโหหึงและกล่าวในบ้านภายในวงครอบครัวว่าภรรยามีชู้นั้นยังไม่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดที่จะให้หย่าขาดจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้นเป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาทดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาทซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหมิ่นประมาทหาว่าโจทก์เป็นชู้กับนายอนันต์และด่าว่าทุบตีโจทก์ ทั้งด่าว่าหมิ่นประมาทใส่ความถึงนางละม่อมมารดาโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยมิได้ทำร้ายโจทก์หรือหมิ่นประมาทโจทก์และมารดาโจทก์อย่างร้ายแรง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยกล่าวบริภาษโจทก์ว่าโจทก์มีชู้นั้นเป็นการรุนแรงอยู่ แต่จำเลยได้กล่าวขึ้นเพราะโมโหหึงขึ้นมาชั่วขณะ และกล่าวขึ้นในบ้านภายในครอบครัว เห็นว่ายังไม่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดที่ให้หย่าขาดจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) และที่จำเลยหาว่าโจทก์กับนางละม่อมมารดาโจทก์เอาเงิน 100 บาทของจำเลยไปนั้น เป็นข้อความที่เห็นว่าจำเลยคาดการณ์โดยเดาเอา เพราะเงินของจำเลยหายไป 100 บาทยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการร้ายแรง เช่นเดียวกัน

พิพากษายืน

Share