คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสีย สิทธิไปถ้า จำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้นโจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แท้จริง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครองที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ โจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้ตาม ส.ค.1 เลขที่ 26 โจทก์ได้เสียภาษีบำรุงท้องที่และทางราชการได้รังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน (น.ส.3) ให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 3 กับสามีมาเป็นลูกจ้างโจทก์ โจทก์ได้ให้อยู่ในขนำซึ่งโจทก์สร้างไว้สำหรับลูกจ้างพักอาศัยจำเลยที่ 1ฟ้องจำเลยที่ 3 เรื่องผิดสัญญาเงินกู้มาก่อนมาเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยที่ 1 นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของโจทก์บางส่วน 1 แปลง เนื้อที่ 4 ไร่ ขายทอดตลาด โดยจำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 3 และรับรองว่าถ้าเกิดผิดพลาดเสียหายจำเลยที่ 1 ยอมรับผิด จำเลยที่ 2 เป็นผู้ประมูลได้จำเลยทั้งสามรู้จักกันดีเพราะอยู่ตำบลเดียวกันและทราบก่อนแล้วว่าทรัพย์ที่ยึดและขายทอดตลาดนั้นเป็นของโจทก์ จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาด ไม่แจ้งให้โจทก์ทราบเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้ศาลหลงผิด ขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์ การขายทอดตลาดไม่สมบูรณ์ เป็นโมฆะเพราะหลงผิดในสารสำคัญ จำเลยที่ 2 ไม่ได้สิทธิบนทรัพย์ที่ซื้อ ที่ดินที่ขายทอดตลาดเป็นที่ดินมือเปล่าโอนสิทธิไม่ได้ ทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์ จำเลยที่ 3 ไม่ทราบกำหนดวันขายทอดตลาด การขายทอดตลาดจึงไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ ต่อมาจำเลยที่ 3 มาศาลโจทก์ได้คัดค้านต่อศาลและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ว่าที่ดินที่ยึดเป็นของโจทก์จำเลยที่ 2 ตกลงกับจำเลยที่ 3 ว่าให้จำเลยที่ 3 หาเงินมาคืนให้จำเลยที่ 2โดยให้จำเลยที่ 3 ถอนเงินที่ศาลในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 267/2518จำนวน 7,000 บาทเศษไป และให้จำเลยที่ 3 หาเงินอีก 5,000 บาทไปมอบให้จำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเงินแล้ว จะคืนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยที่ 3 รับเงินที่ศาลไปแล้วจำเลยที่ 2 ไม่คืนที่ดินแก่โจทก์ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารเข้าเกี่ยวข้องให้การขายทอดตลาดในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 267/2518 เป็นโมฆะ ถ้าไม่อาจเป็นไปได้ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าที่ดิน 30,000 บาท แก่โจทก์และชดใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ฟ้องจำเลยที่ 3 ต่อศาลจังหวัดจันทบุรี เรื่องกู้ยืมเงินศาลได้พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์คดีนั้นกับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความแทนตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 267/2518 จำเลยที่ 3 ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 จึงร้องขอบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินพิพาท แล้วให้สามีจำเลยที่ 3 เป็นผู้รักษาทรัพย์ศาลจังหวัดจันทบุรีได้ประมูลขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 12,100 บาท และได้ชำระเงินต่อศาลจังหวัดจันทบุรีแล้ว การขายทอดตลาดจึงเป็นไปตามระเบียบถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์และจำเลยที่ 3 ทราบเรื่องการขายทอดตลาดนี้เป็นอย่างดี จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อทรัพย์ที่ประกาศขายทอดตลาดจากศาลโดยเปิดเผยและโดยสุจริต โจทก์ไม่เสียหาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 3 ไม่ยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 3

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330บัญญัติว่า “สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ ในคดีล้มละลายนั้นท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้น มิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษาหรือผู้ล้มละลาย” บทกฎหมายมาตรานี้ จึงเป็นบทบัญญัติที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงจะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสียสิทธิไปถ้าจำเลยที่ 2 สุจริต และคดีนี้โจทก์ มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้น โจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แท้จริง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่

พิพากษายืน

Share