แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศเข้ามาประกอบกิจการค้าในประเทศไทย ทำการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงขายน้ำมันให้ดี เอฟ เอส ซี ซึ่งเป็นหน่วยงานของจัสแมกนั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์เข้ามาปฏิบัติงานก่อสร้างหรืองานอื่น ๆ ในประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือ I.C. A. และ JUSMAGไม่ได้รับยกเว้นภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2499 มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล เงินเพิ่มและเบี้ยปรับจากโจทก์สำหรับน้ำมันที่โจทก์จำหน่ายให้ ดี เอฟ เอส ซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจัสแมก โจทก์เห็นว่าการประเมินภาษีดังกล่าวของจำเลยไม่ถูกต้อง เพราะการที่โจทก์จำหน่ายน้ำมันไปดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์เป็นบริษัทต่างประเทศที่ได้เข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือจัสแมก โจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีอากรตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 9)พ.ศ. 2499 โจทก์เห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้อง จึงอุทธรณ์การประเมิน แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นกรรมการวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์และการประเมินหากเห็นว่าโจทก์ต้องเสียภาษีก็ขอให้ยกเลิกเบี้ยปรับ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นบริษัทที่มาปฏิบัติงานก่อสร้างและงานอื่นในประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือ ไอ ซี เอ และจัสแมกจึงมิใช่บุคคลดังระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2499 มาตรา 3 ไม่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีอากร การประเมิน และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว โจทก์จงใจจะไม่เสียภาษีให้แก่รัฐบาลไม่มีเหตุที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ประกอบการค้าในฐานะผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจำหน่าย จึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าในฐานะผู้ผลิต การที่ผู้ซื้อได้รับสิทธิอย่างใดเป็นสิทธิของผู้ซื้อ ไม่ทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นไปด้วย การประเมินของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุที่จะงดเบี้ยปรับ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับการขายน้ำมันของโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2499 มาตรา 3 ที่บัญญัติว่า “ให้ยกเว้นภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรแก่บุคคลตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ตามสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลต่างประเทศ” ซึ่งตามหมายเหตุท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวปรากฏเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ว่า “เนื่องจากประเทศไทยมีข้อผูกพันตามสัญญาที่จะยกเว้นภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัท และพนักงานต่างประเทศที่เข้ามาปฏิบัติงานก่อสร้างและงานอื่น ๆ ในประเทศไทย ด้วยเงินช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือ ไอ ซี เอและจัสแมก เงินที่รัฐบาลอเมริกาจ่ายในการช่วยเหลือนั้นเป็นเงินภาษีอากรที่เรียกเก็บจากราษฎรอเมริกัน ฉะนั้น เพื่อใช้เงินดังกล่าวให้ได้ผลในการพัฒนาการเศรษฐกิจแก่ประเทศเต็มเม็ดเต็มหน่วย สมควรตราพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ขึ้น เพื่อกำหนดมิให้ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือนั้น ชำระเป็นค่าภาษีอากร” ดังนี้ เห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์คงรับฟังได้แต่เพียงว่า โจทก์เป็นบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศเข้ามาประกอบการค้าในประเทศไทย ทำการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเช่าโรงกลั่นน้ำมันจากกระทรวงกลาโหมทำการผลิตน้ำมันจำหน่ายเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เข้ามาปฏิบัติงานก่อสร้างหรืองานอื่น ๆ ในประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือ ไอ ซี เอ และจัสแมกดังที่ปรากฏในหมายเหตุท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น ฉะนั้น โจทก์จึงหาใช่บุคคลตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ตามสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจหรือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลต่างประเทศอันจะได้รับยกเว้นภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไม่ที่โจทก์อ้างเหตุได้รับยกเว้นภาษีอากรเพราะโจทก์ขายน้ำมันให้ ดี เอฟ เอส ซี ซึ่งเป็นหน่วยงานของจัสแมกนั้น เห็นว่าแม้โจทก์จะขายน้ำมันให้ ดี เอฟ เอส ซี ซึ่งเป็นหน่วยงานของจัสแมกดังที่โจทก์กล่าวอ้างก็ตามแต่การที่หาก ดี เอฟ เอส ซี หรือจัสแมกผู้ซื้อมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษี ก็เป็นสิทธิของผู้ซื้อโดยเฉพาะ หาทำให้โจทก์ผู้ประกอบการค้าจำหน่ายน้ำมันจะได้รับยกเว้นภาษีด้วยไม่
พิพากษายืน