แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งมีข้อความเป็นการตกลงระงับพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องการสร้างรั้วรุกล้ำ และได้ลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยไว้เป็นหลักฐานด้วย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,851
การที่จำเลยก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์และขนเศษอิฐเศษปูนที่นำไปทิ้งในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลย จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทำให้เกิด ความสวยงามและที่ดินของโจทก์ราคาสูงขึ้นไม่ได้เพราะประเด็น สำคัญอยู่ที่ว่าการ กระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในที่ดินของโจทก์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วพิพาทให้พ้นแนวเขตที่ดินของโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 60,000 บาท กับเดือนละ 5,250 บาท ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ ลดค่าเสียหายลงเป็น 10,000 บาท และเดือนละ 800 บาท จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า บันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีหมาย จ.5 ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าบันทึกนั้นเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องการสร้างรั้วรุกล้ำโดยกำหนดวิธีการให้ช่างรังวัดจากกรมที่ดินไปทำการรังวัดสอบเขต หากปรากฏว่ารุกล้ำจริง จำเลยก็ยอมรื้อถอนรั้วคอนกรีตออกไป และสร้างรั้วสังกะสีให้โจทก์ดังเดิมภายในไม่เกิน 15 วัน และได้ลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยไว้เป็นหลักฐานในบันทึกนั้น ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 851 ซึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญานั้นได้” ฯลฯ
“ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่เสียหาย เพราะรั้วที่จำเลยสร้างใหม่เป็นกำแพงอิฐบล็อกคอนกรีต ย่อมสวยงามกว่าเดิมและทำให้ที่ดินของโจทก์มีราคาสูงขึ้นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่ได้สร้างรั้วกำแพงตามแนวเขตที่ดินของโจทก์จำเลย ข้ออ้างของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่าเศษอิฐเศษปูนที่นำไปไว้ในที่ดินของโจทก์ก็เป็นประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์นั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในที่ดินของโจทก์ และโจทก์ไม่เคยยอมให้จำเลยกระทำเช่นนั้น ฉะนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์”
พิพากษายืน