คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่5มกราคม2524จำเลยที่1ส่งมอบฝ้ายปุยงวดที่3และที่4ต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่างแต่โจทก์มาฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเมื่อวันที่30กันยายน2525ซึ่งพ้นกำหนด1ปีนับแต่วันส่งมอบฝ้ายปุยไม่ตรงตามตัวอย่างคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา504เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันเนื่องจากจำเลยส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่างไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามป.พ.พ.มาตรา164ซึ่งมีกำหนดอายุความ10ปี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อผ้ายปุยใยสั้น (น่าจะเป็นใยเส้น)จำนวน 200,000 ก.ก. ราคา ก.ก.ละ 37.95 บาท จากจำเลยที่ 1ลงวันที่ย้อนหลังเป็นวันที่ 30 กันยายน 2523 จำเลยที่ 1 นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 มาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของราคาสิงของตามสัญญาเป็นเงิน375,500 บาท สัญญาซื้อขายมีข้อสาระสำคัญว่า ผ้ายที่ซื้อขายต้องมีคุณสมบัติตรงตามตัวอย่างที่จำเลยที่ 1 เสนอขาย และจะต้องส่งมอบให้โจทก์ ณ คลังพัสดุของโจทก์ที่สี่แยกเกียกกาย เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญา จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์ริบหลักประกันหรือเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินทันทีหลังจากทำสัญญากันแล้ว จำเลยที่ 1ส่งมอบผ้ายปุยงวดที่ 1 และที่ 2 ให้โจทก์ถูกต้องแต่ในวันที่ 5มกราคม 2524 จำเลยที่ 1 ส่งมอบผ้ายปุยงวดที่ 3 และที่ 4 ต่ำกว่าคุณสมบุติของฝ้ายตามตัวอย่าง โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบ ให้รับฝ้ายคืนและจัดหาฝ้ายที่มีคุณสมบุติถูกต้องมแทน จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินค้ำประกันสัญญา จำนวน 379,500 บาท แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดเงินค่าประกันแก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์นำเงินค่าฝ้ายปุยงวดที่ 2 ที่โจทก์กันไว้เป็นเงิน 300,000 บาท มาชำระแทนเงินค้ำประกันสัญญาส่วนหนึ่งได้เมื่อหักออกแล้ว จำเลยทั้งสองต้องชำระเงินค่าประกันแก่โจทก์อีก 79,500 บาท จึงขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 79,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ส่งมอบฝ้ายปุยตามตัวอย่างและคุณลักษณะครบถ้วนตามสัญญาให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ยอมรับฝ้ายปุยงวดที่ 3 และที่ 4 จำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2ชำระเงินค้ำประกันเพราะจำเลยที่ 1 มิได้ผิดสัญญา
วันนัดสืบพยาน คู่ความแถลงสละประเด็นที่ว่าส่งมอบฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ คงมีประเด็นเฉพาะจำเลยที่ 1 ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2524จำเลยที่ 1 ส่งมอบฝ้ายปุยงวดที่ 3 และที่ 4 ต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่าง โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2525ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันส่งมอบฝ้ายปุยไม่ตรงตามตัวอย่าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 504 บัญญัติไว้ว่า ในข้อหารับผิดเพื่อการส่งของไม่ตรงตามตัวอย่างหรือ…นั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาส่งมอบ คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาข้อ 7 เท่านั้น มิได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 รับผิดเพื่อการส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่างนั้นปรากฏตามฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ส่งมอบฝ้ายปุยต่ำกว่าคุณสมบัติของฝ้ายตามตัวอย่าง โจทก์จึงฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาข้อ 7 เห็นได้ว่า เป็นการฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินประกัน เนื่องจากการที่จำเลยที่ 1ส่งมอบของไม่ตรงตามตัวอย่างนั่นเอง กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีกำหนดอายุความ10 ปี ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”.

Share