คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาล ขอรับชำระหนี้ก่อนในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ศาลอนุญาต
ก่อนขายทอดตลาด จำเลยยื่นคำร้องว่าที่ดินส่วนของจำเลยเนื้อที่ 244 ไร่เศษขอให้แบ่งขายทีละแปลง แปลงละ 50 ไร่ จึงจะได้ราคาดี ศาลเห็นชอบด้วย สั่งให้โจทก์จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปดำเนินการแบ่งแยก จนเวลาล่วงเลยมา 2 ปี จำเลยไม่ดำเนินการแบ่งแยกเป็นการประวิงการบังคับคดี ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงย่อมมีสิทธิที่จะระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของตนอันควรจะได้จากการบังคับคดีนั้นสิทธิที่จะร้องหรือแถลงขอให้ศาลทำการขายทรัพย์ไปทั้งแปลงได้และคำสั่งของศาลที่ได้สั่งให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยทั้งแปลงก็เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

จำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความใช้เงิน 164,400 บาทให้แก่โจทก์ ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามยอม โจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 คือ โฉนดเลขที่ 16 เนื้อที่ 977 ไร่ 56 ตารางวา มีผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 4 คน เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคา 488,000 บาท

องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ร้องว่าจำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินรายนี้เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 ไว้กับผู้ร้องเป็นเงิน 540,000 บาท ผู้ร้องขอรับชำระหนี้เพียง 341,493 บาท 51 สตางค์ จึงขอรับชำระหนี้รายนี้ก่อนในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ระหว่างกองหมายประกาศขายทอดตลาด จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องว่าที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยที่จะขายทอดตลาดนี้เนื้อที่ 244 ไร่เศษ เพื่อให้ขายได้ราคาดีกว่าขายทั้งแปลงจึงขออนุญาตแยกที่ดินออกเป็นแปลง ๆ ละ 50 ไร่ ศาลชั้นต้นเห็นด้วย จึงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้และให้ดำเนินการขายทอดตลาดโดยวิธีแบ่งที่ดินออกเป็นแปลง ๆ ละ 50 ไร่ ขายทีละแปลง เจ้าพนักงานบังคับคดีสั่งให้โจทก์จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปดำเนินการตามคำสั่งศาล

หลังจากศาลมีคำสั่งแล้วประมาณ 2 ปี องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยติดต่อขอรับโฉนดจากกองหมายไม่จัดการตามคำสั่งศาล มีเจตนาขัดขวางประวิงการขายทอดตลาดที่ดินรายนี้ ขอให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เสร็จโดยเร็ว

ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ศาลสั่งแก่จำเลยที่ 2 เพราะไม่ใช่โจทก์หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีสั่งจำเลยที่ 2 ไม่อาจดำเนินการแต่ผู้เดียวได้ ไม่เป็นการประวิงการบังคับคดี ขอให้ศาลสั่งยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นสอบผู้ร้อง ผู้ร้องว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียย่อมเป็นคู่ความในคดีมีสิทธิที่จะร้องต่อศาลได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ ก็ขอให้ขายที่ดินทั้งแปลง ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียให้การบังคับคดี จึงมีสิทธิที่จะร้องขอให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินได้ จึงให้ยกคำร้องคัดค้านของจำเลยที่ 2 ให้ดำเนินการบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดที่ดินทั้งแปลงตามเดิม

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาจำนองที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับผู้ร้อง และผู้ร้องก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น โดยยื่นคำร้องต่อศาลก่อนที่จะขายที่ดินโฉนดที่ 16 เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลได้สั่งอนุญาตตามคำร้องของผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยการขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าว ผู้ร้องจึงย่อมมีสิทธิที่จะระมัดระวังเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนอันควรจะได้จากการบังคับคดีนั้นได้

พิพากษายืน

Share