คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อไม่ปรากฏว่างานของครูพิเศษซึ่งมีจำเลยจ้างมาทำการสอน มีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาลอย่างไร จึงถือได้ว่าจำเลยจ้างโจทก์ไว้เป็นการประจำโจทก์จึงเป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตั้งแต่จำเลยจ้างโจทก์เป็นครูพิเศษเป็นต้นมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๓ และวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ จำเลยจ้างโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำทำหน้าที่เป็นครูในโรงเรียนของจำเลยโจทก์ที่ ๑ ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเดือนละ ๒,๓๔๕ บาท โจทก์ที่ ๒ ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเดือนละ ๒,๔๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๕ จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยไม่มีความผิดและจำเลยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ นอกจากนั้นจำเลยค้างชำระค่าจ้างประเดือนเมษายน ๒๕๒๕ แก่โจทก์ที่ ๑๒,๓๔๕ และจำเลยได้หักเงินเดือนของโจทก์ที่ ๒ ไว้เป็นเงินสะสมตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๒๔ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๒๕ เป็นเงิน ๖๒๙.๖๕ บาท ขอให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างชำระแก่โจทก์ที่ ๑ ๒,๓๔๕ บาท จ่ายเงินสะสมแก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๖๒๙.๖๕ บาท และจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ ๗,๐๓๕ บาท และแก่โจทก์ที่ ๒ ๗,๒๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์ที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ โดยจ้างเป็นครูสอนรายชั่วโมงจ่ายค่าจ้างเหมาจ่ายเป็นรายเดือน มิใช่ลูกจ้างประจำ ส่วนโจทก์ที่ ๒ เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๔ โจทก์ที่ ๑ ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเดือนละ ๒,๓๔๕ บาทโจทก์ที่ ๒ ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเดือนละ ๒,๒๐๕ บาท กับค่าครองชีพเดือนละ ๒๐๐ บาท ในเดือนเมษายน ๒๕๒๕ โจทก์ที่ ๑ ไม่ได้ทำงานจำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างของเดือนดังกล่าวแก่โจทก์ที่ ๑ จำเลยได้หักเงินเดือนของโจทก์ที่ ๒ ไว้เป็นเงินสะสมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๒๔ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๒๕ รวมเป็นเงิน ๕๗๙.๕๐ บาท นำฝากไว้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาวิสุทธิกษัตริย์ โจทก์ที่ ๒ จะต้องไปเบิกเอาเองโดยอนุมัติจากศึกษาธิการจังหวัดตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยไม่มีสิทธิจะไปเบิกมาจ่ายให้ได้ จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณาโจทก์ที่ ๒ ขอถอนฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับเงินสะสมศาลแรงงานกลางอนุญาต
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ แม้ในเดือนเมษายน ๒๕๒๕ โรงเรียนปิดเทอม โจทก์ที่ ๑ ไม่ได้ทำการสอน จำเลยก็ต้องจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ ๑ จำเลยบรรจุโจทก์ที่ ๒ เป็นครูประจำเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๔ แต่โจทก์ที่ ๒ เข้าทำงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๓ ถือว่าโจทก์ที่ ๒ เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตั้งแต่แรกเข้าทำงานจำเลยแจ้งแก่โจทก์ทั้งสองเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ว่าไม่อนุญาตให้โจทก์ทั้งสองทำหน้าที่เป็นครูโรงเรียนของจำเลยต่อไปเป็นการเลิกจ้าง จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระแก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๒,๓๔๕ บาท และจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ จำนวน ๗,๐๓๕ บาท และ ๗,๒๐๐ บาทตามลำดับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลแรงงานกลางสั่งรับเฉพาะอุทธรณ์ข้อ ๓.๒ ซึ่งเป็นปัญหาว่าโจทก์ที่ ๒ เป็นลูกจ้างประจำจำเลยตั้งแต่เมื่อใด
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยจ้างโจทก์ที่ ๒ เป็นครูพิเศษทำการสอนในโรงเรียนพาณิชยการสมุทรสงครามของจำเลยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๓ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๔จำเลยบรรจุโจทก์ที่ ๒ เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๕ จำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ ๒ จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ที่ ๒ เป็นครูประจำหรือลูกจ้างประจำตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๔ มีระยะเวลาทำงานไม่ครบ ๑ ปี เห็นว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๒๕ นิยามคำว่า “ลูกจ้างประจำ” ไว้ “หมายความว่า ลูกจ้างซึ่งนายจ้างตกลงจ้างไว้เป็นการประจำ” และนิยามคำว่า “ลูกจ้างชั่วคราว” ไว้ว่า “หมายความว่าลูกจ้างซึ่งนายจ้างตกลงจ้างไว้ไม่เป็นการประจำเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาล” งานทำการสอนเป็นงานประจำของโรงเรียน แม้ชั้นแรกจำเลยจ้างโจทก์ที่ ๒ เป็นครูพิเศษ ต่อมาจึงบรรจุเป็นครูประจำ แต่โจทก์ที่ ๒ ได้ทำการสอนในโรงเรียนของจำเลยตั้งแต่เป็นครูพิเศษตลอดมา ไม่ปรากฏว่างานทำการสอนในฐานะครูพิเศษมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาลอย่างไร ถือได้ว่าจำเลยจ้างโจทก์ที่ ๒ ไว้เป็นการประจำ โจทก์ที่ ๒ จึงเป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตั้งแต่เป็นครูพิเศษเป็นต้นมา
พิพากษายืน

Share