คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุกับจำเลยภายหลังจากโจทก์ที่ 2 ขายรถยนต์คันเกิดเหตุให้โจทก์ที่ 1 ไปแล้วโดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ออกเบี้ยประกันภัยเพราะใบอนุญาตทะเบียนรถยังมีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของอยู่ ระหว่างสัญญาประกันภัย รถยนต์คันเกิดเหตุเกิดชนกันเสียหาย จำเลยยอมผูกพันตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวกับโจทก์ที่ 1โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนโจทก์ที่ 1 แสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์ที่ 2 ขายรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยยอมผูกพันรับโจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยแทนโจทก์ที่ 1 ถือว่าโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยโจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทน โจทก์ที่ 1ซึ่งเป็นตัวการแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยแล้ว ดังนี้ โจทก์ที่ 1 เท่านั้นมีอำนาจฟ้องโจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ โจทก์ที่ 2 มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนรถยนต์แทนโจทก์ที่ 1 โจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันทำสัญญาประกันภัยรถคันนี้ไว้แก่จำเลย โดยทำสัญญาในนามโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เอาประกันภัย ระหว่างอายุสัญญาประกันภัยลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ขับรถยนต์ดังกล่าวชนราวสะพานและตกลงไปในลำคลอง โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมสะพานและรถยนต์ดังกล่าวไป จำเลยต้องชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประกันภัยแต่ไม่ชดใช้ให้จึงขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยโจทก์ที่ 2 โอนรถยนต์ดังกล่าวไปให้โจทก์ที่ 1 โดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบและต่อสู้อีกหลายประการ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันภัยแก่โจทก์ที่ 1

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยนั้น เห็นว่า โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยแทนโจทก์ที่ 1 โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ออกเบี้ยประกันภัย และตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 157/2520 ของศาลจังหวัดนครนายก จำเลยยอมผูกพันตามสัญญาประกันภัยฉบับดังกล่าวกับโจทก์ที่ 1 โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนโจทก์ที่ 1 ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์ที่ 2 โอนรถยนต์คันเกิดเหตุไปให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยยอมผูกพันรับว่าโจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยแทนโจทก์ที่ 1 ถือได้ว่าโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สัญญากับจำเลยตามสัญญาประกันภัยโดยโจทก์ที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนของโจทก์ที่ 1 เท่านั้น โจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนโจทก์ที่ 1 เมื่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยที่โจทก์ที่ 2 ได้ทำแทนแล้ว โจทก์ที่ 2 ก็สิ้นความผูกพันกับจำเลย โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 กับให้ยกฟ้องคดีเฉพาะโจทก์ที่ 2

Share