คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตน ใน คดีนั้นไว้แล้วทั้งเรื่อง ดังนั้นบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นต่อศาลอีกในวันนัดสืบพยานโจทก์วันแรกโดยไม่ได้แถลงต่อศาลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติม และไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลย ศาลก็ชอบที่รับไว้ในฐานะเป็นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยได้เอาข้อความอันเป็นเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาฉ้อโกงและได้เบิกความอันเป็นเท็จในคดีดังกล่าวขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175,177 วรรคสอง และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ถึงวันนัดให้จำเลยแก้ข้อหาแห่งคดีและสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์เพราะไม่ยื่นก่อนวันสืบพยานโจทก์ 3 วัน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้แล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตนในคดีนี้ไว้แล้วทั้งเรื่อง ทั้งเห็นว่าตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ระบุไว้ชัดว่าการระบุพยานเพิ่มเติมให้ระบุเพิ่มเติมได้เสมอในเมื่อฝ่ายที่สืบก่อนยังสืบไม่เสร็จ คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานฉบับหลังในวันที่ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์เป็นวันแรก แม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวโจทก์จะไม่ได้แถลงต่อศษลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติมและไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก็ตาม ศาลก็ชอบที่จะรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share