แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คณะกรมการอำเภอไม่ใช่นิติบุคคลนายอำเภอก็อาจฟ้องหรือถูกฟ้องได้เหมือนบุคคลธรรมดา
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยในฐานะนายอำเภอกระทำละเมิดสิทธิโจทก์ในที่พิพาทจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะสมบัติแผ่นดินและตาม พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ.2457มาตรา 122 กำหนดให้นายอำเภอควบคุมดูแลที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลห้ามจำเลยมิให้สอดเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ต่อไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ปลูกห้องแถวขึ้นในที่ดินของโจทก์จำเลยในฐานะที่เป็นนายอำเภอสัตหีบถืออำนาจเป็นเจ้าพนักงานปกครองท้องที่สั่งห้ามมิให้โจทก์ปลูกห้องแถวลงในที่ดินของโจทก์และให้โจทก์รื้อถอน การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินของโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยมิให้สอดเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ต่อไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อย่างใด โจทก์เป็นบุคคลต่างด้าวย่อมไม่อาจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า ตาม พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 นั้น การปฏิบัติของเจ้าพนักงานอำเภอใดอำเภอหนึ่งในจังหวัดนั้น จะต้องถือเป็นการปฏิบัติของจังหวัดอันเป็นนิติบุคคล กลับมาฟ้องจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาให้เสร็จสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคณะกรรมการอำเภอไม่ใช่นิติบุคคลอาจฟ้องหรือถูกฟ้องได้เหมือนบุคคลธรรมดา และตาม พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 ก็กำหนดให้นายอำเภอควบคุมดูแลที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนั้นเมื่อจำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากที่ของโจทก์ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นที่สาธารณสมบัตินั้น ข้อกล่าวหาดังฟ้องจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งจะต้องพิจารณาฟังข้อเท็จจริงกันต่อไปพิพากษายืน