คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมที่เช่าเป็นที่สวนผู้เช่า เช่ามาเพื่อทำสวน ต่อมาที่ดินได้กลายสภาพไป ไม่ใช่สวนแล้ว บุตรผู้เช่าเดิมได้ทำสัญญา เช่ากับเจ้าของที่ดินใหม่ ในสัญญาก็มิได้ระบุว่า เพื่อทำสวนดังที่มารดาทำให้ไว้แต่เดิม ทั้งความจริงผู้เช่าคนหลังนี้ ก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลย แต่ปลุกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่กันหลายหลัง เช่นนี้ ถือได้ ว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และการที่ผู้เช่าให้ญาติ พี่นอ้งเข้ามาปลูกเรือนอยู่อาศัยในที่เช่าด้วย นั้น เมื่อมิได้ให้เช่าช่วงแล้ว เจ้าของที่ดินก็จะฟ้องขับไล่ไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ บัญญัติเฉพาะกรณีที่ผู้เช่าให้เช่าช่วงเท่านั้น ไม่ได้ห้ามถึงกรณีที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้า มาใช้ประโยชน์บนที่ดินที่เช่าด้วย./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยเช่าเพื่อทำสวน ครบกำหนดอายุสัญญาแล้ว และจำเลย ยังทำผิดสัญญาโดยให้บุคคลอื่นเช่าช่วง และเข้าใช้ประโยชน์บนที่ดินเช่า โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว.
จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ว่าเช่าที่ดินปลูกเรือนอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อทำสวนไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงพิพากษาขับไล่จำ เลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้เดิมที่พิพาทจะเป็นที่สวน และมารดาจำเลยเช่ามาเพื่อทำสวนก็ดี แต่บัดนี้ที่ดินได้กลายสภาพไป มิใช่สวนแล้ว ตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำให้โจทก์ ก็มิได้ระบุว่าเพื่อทำสวนดังที่มารดาจำเลยทำให้กับโจทก์ ทั้บงความจริง จำเลยก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลย แต่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่ด้วยกันหลายหลัง จึงเห็นว่าการเช่ารายนี้มิใช่เป็นการเช่าเพื่อทำสวน แต่เป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัยจำเลยจึงได้รับความคุ้ม ครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และการที่จำเลยที่ ๑ อนุญาตให้น้องสาวน้องเขยใช้ประโยชน์บนที่ดินเช่า โดยปลูก ห้องอยู่อาศัยโดยไม่ปรากฎว่าให้เช่าช่วงนั้น ก็มิได้ผิดสัญญาเช่า เพราะตามสัญญาเช่าห้ามแต่ไม่ให้เช่าช่วง มิได้ห้าม ไม่ให้ญาติพี่น้องใช้ประโยชน์ในที่เช่า
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share