แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินค่าจ้างว่าความแก่จำเลยเป็นเงินได้โดยชอบตามกฎหมาย โจทก์อ้างว่าจำเลยว่าความให้โจทก์ในคดีนั้นโดยไม่ถูกต้องและหลอกลวงโจทก์ จำเลยไม่ควรได้ค่าจ้างทนายความ จึงฟ้องเรียกเงินคืน ดังนี้ กรณีไม่ใช่ลาภมิควรได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์ฎีกาว่า ควรมีการสืบพยานก่อนศาลพิพากษา เพราะมีประเด็นอีกหลายประเด็นซึ่งคู่ความต่างโต้เถียงกันอยู่และมีข้อกฎหมายบางประการซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องหยิบยกขึ้นพิจารณาพิเคราะห์แล้ว ตามคำฟ้อง คำให้การ และคำแถลงรับของคู่ความทั้งสองฝ่ายปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์2521 ว่า เงินที่โจทก์มาฟ้องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้โจทก์ชำระให้จำเลยเป็นค่าจ้างว่าความตามสำนวนคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 324/2517 ดังนี้ เห็นว่าเมื่อเงินจำนวน 15,000 บาท เป็นค่าจ้างว่าความที่โจทก์ต้องชำระให้จำเลยตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่งหมายเลขแดงของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วเงินจำนวนนี้เมื่อจำเลยได้มาย่อมมิใช่เป็นกรณีปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืนในฐานลาภมิควรได้ คดีไม่มีประเด็นจะต้องพิจารณาต่อไปว่าจำเลยในฐานะทนายความดำเนินคดีแทนโจทก์โดยใช้อุบายฉ้อฉลโจทก์หรือไม่ จึงไม่จำต้องสืบพยานหรือวินิจฉัยข้อกฎหมายอื่นใดดังฎีกาโจทก์ต่อไป”
พิพากษายืน