คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2890/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้ามีหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องส่งสินค้าให้แก่บริษัท ค. ผู้ซื้อที่เมืองดีทรอยท์ประเทศสหรัฐอเมริกา และโจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยทั้งสองให้ขนส่งสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ แต่จำเลยทั้งสองไม่นำสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อตามสัญญา กลับยึดหน่วงสินค้าไว้แล้วนำไปขายเสีย ดังนี้ โจทก์ในฐานะผู้ส่งของซึ่งเป็นคู่สัญญาตามสัญญารับขนของทางทะเลกับผู้ขนส่งย่อมมีสิทธิฟ้องร้องให้ผู้ขนส่งรับผิดต่อโจทก์ได้ตามสัญญารับขนของทางทะเล เมื่อโจทก์จัดส่งสินค้าพิพาทลงเรือแล้ว โจทก์ได้นำใบตราส่งไปส่งมอบให้ธนาคารเพื่อขอรับเงินค่าสินค้าที่ผู้สั่งซื้อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตไว้กับทางธนาคารดังกล่าว แต่เมื่อผู้รับตราส่งไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อจึงอายัดเงินค่าสินค้า โจทก์จึงยังไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจากธนาคาร และธนาคารได้คืนใบตราส่งให้แก่โจทก์ โจทก์ยังเป็นผู้ครอบครองต้นฉบับใบตราส่งสินค้าพิพาทดังกล่าวทั้งเมื่อบริษัท ค. ผู้ซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์ไม่ได้รับสินค้า บริษัทดังกล่าวก็ไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระให้โจทก์ และไม่มีส่วนได้เสียในสินค้าเพราะไม่ใช่เจ้าของ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายและผู้ส่งย่อมได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 121,924.70 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 114,844.70 ดอลลาร์สหรัฐ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การ แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน 87,038.03 ดอลลาร์สหรัฐ แก่จำเลยที่ 1 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 87,038.03 ดอลลาร์สหรัฐ นับแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2543 ถึงวันฟ้องแย้งเป็นดอกเบี้ย 7,616.14 ดอลลาร์สหรัฐ รวมดอกเบี้ยค้างชำระอยู่ ณ วันที่ 25 เมษายน 2544 เป็นดอกเบี้ย 13,962.03 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 101,000.06 ดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 21 มีนาคม 2545 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 43.48 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,391,482.60 บาท
จำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในชั้นชี้สองสถาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 121,924.70 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 114,844.70 ดอลลาร์สหรัฐ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในประการแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์ได้ขายสินค้าพิพาทให้แก่ผู้ซื้อและได้สลักหลังใบตราส่งโอนสิทธิต่างๆ ตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อแล้ว โจทก์จึงไม่ได้เป็นเจ้าของไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสินค้าพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้ามีหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องส่งสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่เมืองดีทรอยท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และโจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญารับขนของทางทะเลว่าโจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยทั้งสองให้ขนส่งสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ แต่จำเลยทั้งสองไม่นำสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อตามสัญญา กลับยึดหน่วงสินค้าไว้แล้วนำไปขายเสีย ดังนี้ โจทก์ในฐานะผู้ส่งของซึ่งเป็นคู่สัญญาตามสัญญารับขนของทางทะเลกับผู้ขนส่งย่อมมีสิทธิฟ้องร้องให้ผู้ขนส่งรับผิดต่อโจทก์ได้ตามสัญญารับขนของทางทะเลนั้น นอกจากนี้ยังได้ความตามบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นประกอบคำเบิกความของนางพรแข พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งออกของโจทก์ว่าการซื้อขายสินค้าพิพาทเป็นการซื้อขายตามเงื่อนไข ซีไอเอฟ ดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา โจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการจัดส่ง เสียค่าระวางขนส่ง การประกันภัยขนส่งและรับเสี่ยงภัยระหว่างขนส่งทุกขั้นตอนด้วยตนเอง จนกระทั่งสินค้าส่งถึงมือผู้รับตราส่งที่ท่าปลายทางเมืองดีทรอยท์ เมื่อโจทก์ได้จัดส่งสินค้าพิพาทลงเรือและเรือเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว โจทก์ได้นำหลักฐานการขนส่งสินค้าเช่น ใบตราส่งไปส่งมอบให้ธนาคารเพื่อขอรับเงินค่าสินค้าที่ผู้สั่งซื้อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตไว้กับทางธนาคารดังกล่าว แต่เมื่อผู้รับตราส่งไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อจึงอายัดเงินค่าสินค้า โจทก์จึงยังไม่ได้รับเงินค่าสินค้าจากธนาคาร และธนาคารได้คืนต้นฉบับเอกสารที่ได้รับไว้แก่โจทก์ โจทก์ยังไม่ได้สลักหลังใบตราส่งสินค้า ส่วนที่ด้านหลังใบตราส่งมีตราโจทก์สลักหลังลอยเพื่อส่งให้ธนาคารเท่านั้น โจทก์ยังเป็นผู้ครอบครองต้นฉบับใบตราส่งสินค้าพิพาททั้งสามฉบับดังกล่าว ทั้งเมื่อบริษัทเคมเทกซ์ แอล แอล ซี จำกัด ไม่ได้รับสินค้า บริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์ก็ไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระให้โจทก์ และไม่มีส่วนได้เสียในสินค้าเพราะไม่ใช่เจ้าของ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายและผู้ส่งสินค้าย่อมได้รับความเสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในชั้นนี้ให้เป็นพับ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยที่ 2 โดยกำหนดค่าทนายความรวมเป็นเงิน 20,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share