แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศและรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่ กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงาน ตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไป ไต้หวัน โดยให้ถือหนังสือเดินทานักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายและผู้อื่นว่า สามารถจัดหางานให้แก่ผู้ต้องการไปทำงานในต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นความเท็จ ทำให้จำเลยกับพวกได้รับเงินไปจากผู้เสียหายและบุคคลอื่นโดยมิได้จัดหางานให้ และจำเลยกับพวกร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๙๑, ๘๓ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๓๐, ๘๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ จำคุก ๒ ปี ผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน จำคุก ๓ ปี รวมจำคุก ๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้เรียก นายมีพ่อตาผู้เสียหายเข้าไปและพูดชักชวนให้ไปบอกผู้เสียหายไปทำงานที่ไต้หวัน โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทน เมื่อนายมีมอบเงินบางส่วนของผู้เสียหายให้แก่จำเลย จำเลยก็พานายมีไปยืมเงินจากบุคคลอื่นอีกจากนั้นก็มอบเงินให้แก่จำเลยไป จำเลยได้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายและคนอื่นซึ่งจะไปทำงานด้วยกันเดินทางไปหาพวกจำเลยที่กรุงเทพฯ ผู้เสียหายไปรอที่บ้านพวกจำเลย ๑ เดือน ก็ยังไม่ได้เดินทางจึงกลับไปบอกจำเลย จำเลยติดต่อกับพวกจำเลยแล้วนำเช็คมามอบให้แก่ผู้เสียหาย แต่เช็คภายหลังขึ้นเงินไม่ได้ จากพยานหลักฐาโจทก์ดังกล่าวฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานที่ไต้หวัน เป็นผู้รับเงินไปบางส่วน เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายกับผู้สมัครงานอื่นเดินทางไปหาพวกของจำเลยที่กรุงเทพมหานคร เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปไต้หวัน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกของจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยดังกล่าวอยู่ในลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวก หาใช่จำเลยเป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้ไม่ และการที่จำเลยกับพวกรับเงินไปจากผู้เสียหายแล้วแต่ไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายได้ทำที่ไต้หวัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยกับพวกเคยส่งคนไปทำงานที่ไต้หวันโดยเมื่อเดินทางไปถึงจะมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงาน แต่ทำงานได้๒ เดือนก็ถูกจับกุมในข้อหาว่าหนังสือเดินทางหมดอายุ เพราะออกในลักษณะนักท่องเที่ยว และจำเลยกับพวกเคยนัดหมายผู้ที่สนใจจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศมาพูดคุยที่บ้านจำเลยหลายครั้ง เมื่อจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จึงมีความผิดในข้อหาฐานร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
พิพากษายืน.