คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลูกจ้างป่วยเป็นอัมพาตเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แม้ตามระเบียบธนาคารออมสิน จะให้อำนาจนายจ้างปลดลูกจ้างออกจากงานได้เมื่อลูกจ้างลาครบกำหนดระยะเวลาแล้วก็ตาม ก็เป็นเพียงให้สิทธิที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างเท่านั้น จะถือว่าลูกจ้างกระทำผิดฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอย่างร้ายแรง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 หาได้ไม่ เมื่อเลิกจ้างนายจ้างจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้าง เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง (บำเหน็จ) เป็นเงินที่นายจ้างผูกพันต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามระเบียบของนายจ้าง ส่วนค่าชดเชยเป็นเงินซึ่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46บังคับให้นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างสิทธิของลูกจ้างที่จะได้เงินบำเหน็จและค่าชดเชยจึงกำหนดให้โดยอาศัยกฎหมายและระเบียบต่างกัน ทั้งตามระเบียบกำหนดให้ลูกจ้างซึ่งมีเวลาทำงานต่ำกว่า 5 ปี ไม่มีสิทธิรับเงินบำเหน็จ จึงเห็นได้ว่า ระเบียบของนายจ้างกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายบำเหน็จแตกต่างกับประกาศกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดให้ลูกจ้างประจำซึ่งทำงานติดต่อกันเพียงครบ 120 วัน ก็มีสิทธิได้รับค่าชดเชยแล้ว เงินทุนเลี้ยงชีพและค่าชดเชยจึงเป็นเงินคนละประเภท การที่นายจ้างจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้ลูกจ้างแล้ว ไม่ทำให้นายจ้างพ้นความรับผิดที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุคคลไร้ความสามารถ มีนางมาลี เพิ่มพูน และนายนพดล เพิ่มพูน เป็นผู้อนุบาล โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน 2530 โจทก์ป่วยเป็นอัมพาตเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ ไม่สามารถช่วยตัวเองและไม่สามารถปฏิบัติงานได้ซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ ต่อมาจำเลยมีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากตำแหน่งเป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยที่โจทก์ไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่า โจทก์ป่วยเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบไม่สามารถปฏิบัติงานตามปกติได้จำเลยจึงต้องเลิกจ้างโจทก์โดยปลดโจทก์ออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2531 ตามคำสั่งที่ พ.4-15/2521จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ นอกจากนี้เมื่อจำเลยให้โจทก์ออกจากงาน จำเลยได้จ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง (บำเหน็จ)จำนวน 879,840 บาท ตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 67ว่าด้วยเงินทุนเลี้ยงชีพของพนักงานให้แก่โจทก์รับไปแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนสูงกว่าค่าชดเชย และการจ่ายเงินบำเหน็จนี้มีความหมายตลอดจนเงื่อนไขเป็นอย่างเดียวกับการจ่ายค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้องศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 146,640 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้าง (วันที่31 มีนาคม 2531) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลย ได้ทำสัญญากับจำเลยว่า ถ้าโจทก์หย่อนความสามารถในการปฏิบัติงาน จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างได้ตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 180 ซึ่งตามระเบียบดังกล่าวนี้ ข้อ 22ให้อำนาจแก่จำเลยที่จะพิจารณาปลดโจทก์ซึ่งได้ลาป่วยจนครบหลักเกณฑ์แล้วไม่สามารถทำงานให้ออกจากงานได้ กรณีของโจทก์ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรงต้องด้วยข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47 จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ป่วยเป็นอัมพาตเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของโจทก์แม้ตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 180 ข้อ 22 จะได้ให้อำนาจแก่จำเลยที่จะปลดโจทก์ออกจากงานได้เมื่อโจทก์ได้ลาครบกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในข้อ 22 นั้นแล้วก็ตาม ก็เป็นเพียงให้สิทธิแก่จำเลยที่จะเลิกจ้างโจทก์เท่านั้น จะถือว่าโจทก์กระทำผิดฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรงต้องด้วยข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 หาได้ไม่เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงต้องจ่ายค่าชดเชย
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง (บำเหน็จ)ซึ่งจำเลยจ่ายให้แก่โจทก์ไปแล้ว มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเช่นเดียวกับการจ่ายค่าชดเชย ถือได้ว่าเงินบำเหน็จที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการจ่ายค่าชดเชยแล้ว พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง (บำเหน็จ) เป็นเงินซึ่งจำเลยผูกพันต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามระเบียบของจำเลย จำเลยมีอำนาจที่จะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินอย่างไรก็ได้ ส่วนค่าชดเชยเป็นเงินซึ่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 บังคับให้นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง สิทธิของลูกจ้างที่จะได้รับเงินบำเหน็จและค่าชดเชยจึงกำหนดขึ้นโดยอาศัยกฎหมายและระเบียบต่างกัน ทั้งตามระเบียบการธนาคารออมสิน ฉบับที่ 67 ว่าด้วยเงินทุนเลี้ยงชีพของพนักงานธนาคารออมสิน ข้อ 11 กำหนดให้พนักงานซึ่งมีเวลาทำงานต่ำกว่า 5 ปี ไม่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง (บำเหน็จ) จึงเห็นได้ว่า ระเบียบของจำเลยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพแตกต่างกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 ซึ่งกำหนดให้ลูกจ้างประจำซึ่งทำงานติดต่อกันเพียงครบ 120 วัน ก็มีสิทธิได้รับค่าชดเชยแล้ว เงินทุนเลี้ยงชีพ (บำเหน็จ) และค่าชดเชยจึงเป็นเงินคนละประเภท การที่จำเลยจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ(บำเหน็จ) ให้แก่โจทก์แล้ว ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์อีก ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share