คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2059/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของที่ดินรู้ว่าหนังสือรับรองการประเมินราคาที่ดินของสำนักงานที่ดินเป็นหนังสือปลอม โดยได้ประเมินราคาที่ดินสูงกว่าความเป็นจริงมากและผู้ถูกกล่าวหาได้นำไปยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นเชื่อว่าที่ดินมีราคาประเมินตามหนังสือรับรองดังกล่าว ซึ่งจะทำให้จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ศาลฎีกาย่อมปรับบทเสียให้ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๗๓๗/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น โดยนำโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๐๐๙๕ เนื้อที่ ๕๐ ตารางวา มาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมทั้งแสดงราคาที่ดินไว้ ๗๕,๐๐๐ บาท โดยอาศัยหนังสือรับรองของสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ว่าที่ดินมีราคาประเมินไร่ละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ถูกกล่าวหาตามสัญญา เมื่อบังคับคดีโดยยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานว่าที่ดินมีราคาเพียง ๗๕๐ บาท ศาลชั้นต้นสอบถามไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ได้ความว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม และราคาประเมินที่ถูกต้อง ที่ดินราคาไร่ละ ๔๐,๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นสอบผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าได้นำหนังสือรับรองมายื่นต่อศาลจริง ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑) ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก ๓ เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหารู้ว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นหนังสือปลอม และผู้ถูกกล่าวหานำมายื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นเชื่อว่าที่ดินมีราคาประเมินตามหนังสือรับรองดังกล่าว ซึ่งจะทำให้จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษให้ แต่ศาลล่างทั้งสองมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษผู้ถูกกล่าวหาศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑) และมาตรา ๓๓ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share