แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้มาดื่มสุราดักรอทำร้ายผู้เสียหาย เพื่อจะเอาสร้อยคอจำเลยย่อมทราบดีว่าพวกของจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย เมื่อผู้เสียหายลงจากรถยนต์จำเลยก็ใช้ท่อนไม้ตีผู้เสียหาย 1 ที ครั้นผู้เสียหายเปิดประตูหนี้เข้าไปนั่งในรถโดยกระจกรถยังเปิดอยู่ จำเลยก็หาได้ตามเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหายในทันทีไม่แต่ปล่อยให้พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทางประตูรถก่อน 2 นัด เมื่อผู้เสียหายล้มลงนอนในรถ จำเลยจึงเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย โดยมีเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ และเพื่อเอาทรัพย์นั้นไป เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)(7),80 ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 80,340, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน18,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ริบของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1623/2529 ของศาลจังหวัดชลบุรีด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 80, 340 วรรคสี่, 340 ตรี ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกตลอดชีวิต ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 18,000 บาท แก่ผู้เสียหายนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1623/2529ของศาลจังหวัดชลบุรี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80 คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่, 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15ให้จำคุก 24 ปี ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 16 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีได้ความจากคำเบิกความของนางอุษา บุญรอดภรรยาผู้เสียหาย และแผนที่สังเขปตามเอกสารหมาย จ.3 ว่า หลังเกิดเหตุแล้วได้ตรวจพบขวดสุราวางอยู่บนโต๊ะหน้าบ้านผู้เสียหายชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าได้นำสุรามาดื่มกับนายเล็กหรือยุทธและนายเสน่ห์หรือเน่ห์ที่เพิงพักหน้าบ้านผู้เสียหาย นายเล็กหรือยุทธบอกจำเลยว่า มีคนให้มาดักทำร้ายและเอาสร้อยคอผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้มาดื่มสุราดักรอทำร้ายผู้เสียหายเพื่อจะเอาสร้อยคอ จำเลยจึงย่อมจะทราบดีว่า พวกของจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย นอกจากนี้พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบก็ได้ความว่า เมื่อผู้เสียหายลงจากรถยนต์ทางประตูด้านขวาแล้ว จำเลยก็ใช้ท่อนไม้ตีผู้เสียหาย 1 ที ครั้นผู้เสียหายเปิดประตูหนีเข้าไปนั่งในรถโดยกระจกรถยังเปิดอยู่ จำเลยก็หาได้ตามเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหายในทันทีไม่ แต่ปล่อยให้พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทางประตูรถด้านขวาก่อน 2 นัด เมื่อผู้เสียหายล้มลงนอนในรถจำเลยจึงเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งขณะที่จำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนและสอบสวนนครบาลใต้จับกุม จำเลยก็ให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย ป.จ.3 ว่า จำเลยมีหน้าที่ใช้ไม้ตีและปลดทรัพย์ผู้เสียหาย ส่วนพวกของจำเลยมีหน้าที่ยิงผู้เสียหายและขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ และเพื่อเอาทรัพย์นั้นไป เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) (7), 80 ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ในฐานความผิดดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289 (6) (7), 80, 340 วรรคสี่, 340 ตรี ให้ลงโทษตามมาตรา289 (6) (7), 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90วางโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยเหตุที่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกดำเนินคดีนี้ก็เนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยในคดีอื่นซึ่งเหตุเกิดที่จังหวัดชลบุรี แล้วจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดคดีนี้ด้วย เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน ชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกจำเลย 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”