คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีละเมิดอำนาจศาล ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนโดยไม่ชอบ เนื่องจากไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาถามค้านพยานที่ศาลหมายเรียกมาไต่สวน และไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานของตนเข้าสืบ การที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาลดังนี้ มิใช่เป็นฎีกาที่คัดค้านข้อชี้ขาดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2528 เวลา 13นาฬิกาเศษ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นได้ตรวจพบเงินสดจำนวน50,000 บาท จากตัวผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการของศาลชั้นต้น จึงได้สอบถามผู้ถูกกล่าวหาและพยานได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหาได้นำเงินจำนวน 50,000 บาท มาให้ผู้ถูกกล่าวหาในห้องน้ำของศาลชั้นต้น เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเรียกร้องเอาเงินจำนวนดังกล่าว โดยอ้างว่าจะนำไปให้แก่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นเพื่อให้ช่วยเหลือล้มคดีที่สามีถูกกล่าวหาถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้น ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล มีคำสั่งจำคุกผู้ถูกกล่าวหา 4 เดือนคืนเงิน 50,000 บาท แก่ผู้ถูกกล่าวหา
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นเพียงแต่สอบปากคำผู้กล่าวหาและพยานโดยไม่ปรากฏว่าพยานเหล่านั้นได้สาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามความสัตย์จริง จึงรับฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ พิพากาายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนโดยไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาถามค้านพยานและนำพยานเข้าสืบ แล้วมีคำสั่งว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) จำคุก 4เดือน คืนเงิน 50,000 บาท แก่ผู้ถูกกล่าวหา
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนโดยไม่ชอบ เนื่องจากไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาถามค้านพยานที่ศาลหมายเรียกมาไต่สวน และไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานของตนเข้าสืบ การที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล เพราะเงินที่ผู้ถูกกล่าวหารับจากผู้กล่าวหา เป็นค่าจ้างว่าความที่ผู้กล่าวหาฝากผู้ถูกกล่าวหาไปให้นายสนิท คงชู ทนายความของสามีผู้กล่าวหา ทั้งผู้เสียหายในคดีนี้คือผู้กล่าวหา ไม่ใช่ศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เป็นฎีกาที่คัดค้านข้อชี้ขาดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้’
พิพากษายกฎีกาผู้ถูกกล่าวหา.

Share