แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระชากกระเป๋าถือแบบสะพายที่ผู้เสียหายสะพายอยู่จนสายสะพายหลุดจากไหล่า แต่ผู้เสียหายแย่งประเป๋ากลับคืนมาได้ในทันทีทันใด กระเป๋ายังไม่หลุดไปจากความครอบครองของผู้เสียหาย แม้กระเป๋าจะอยู่ที่มือของจำเลยตอนกระชากก็เป็นการกระทำในชั้นมุ่งหมายจะให้กระเป๋าหลุดจากไหล่ผู้เสียหาย เท่านั้น จำเลยยังมิได้ยึดถือกระเป๋าของผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดขั้นพยายามวิ่งราวทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๓๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๖ ลงโทษจำคุก ๔ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖, ๘๐ ฐานพยายามวิ่งราวทรัพย์ จำคุก ๑ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๘ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยกระชากกระเป๋าถือที่ผู้เสียหายสะพายอยู่จนสายสะพายหลุดจากไหล่ แต่ผู้เสียหายก็ได้แย่งกระเป๋ากลับคืนมาในทันทีทันใด จำเลยจึงเอากระเป๋าไปไม่ได้แม้กระเป๋าจะอยู่ที่มือของจำเลยตอนกระชาก ก็เป็นการกระทำในขั้นมุ่งหมายจะให้กระเป๋าหลุดจากไหล่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยยังมิได้ยึดถือกระเป๋าของผู้เสียหายไว้ในความครอบครองของตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามวิ่งราวทรัพย์เท่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน