คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายขอให้ ส. หลานชายช่วยติดตามหารถจักรยานที่ถูกลัก ส. ขอร้องให้จำเลยช่วยอีกต่อหนึ่ง จำเลยติดตามได้จึงนำรถมาเก็บไว้ที่บ้าน แม้มิได้นำไปส่งคืนทันที แต่เมื่อ ช. ถูกจับจำเลยก็ไปแจ้งต่อตำรวจทันทีว่ารถอยู่ที่จำเลยการนำรถมาเก็บที่บ้าน ก็กระทำโดยเปิดเผย มิได้ปิดบังซ่อนเร้น อันแสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริต ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้รับรถจักรยานสองล้อของผู้เสียหาย ซึ่งถูกคนร้ายลักไปไว้ในความครอบครองก่อนส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาคงมีว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรดังโจทก์ฟ้องหรือไม่เห็นว่า จำเลยจะรับรถจักรยานของผู้เสียหายไว้จากใครอย่างไรนั้น โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็น คงมีแต่ผู้เสียหายและนายประสิทธิ์ เพชรอาวุธผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นพยานว่ารถจักรยานดังกล่าวอยู่ที่จำเลย ซึ่งจำเลยก็รับตลอดมาและเป็นผู้พาตำรวจไปเอารถจักรยานมาจากบ้านจำเลย ผู้เสียหายเบิกความว่า นายชัยณรงค์บอกว่ารถจักรยานอยู่ที่จำเลย นายประสิทธิ์เบิกความว่า นายชัยณรงค์บอกว่าได้ให้รถจักรยานมากับนายสุริยันพี่ชายร้อยตำรวจโทประเวศ แสงลี พนักงานสอบสวนเบิกความว่า นายชัยณรงค์นายประสิทธิ์ และผู้เสียหายให้การในชั้นสอบสวนว่านายสุริยันได้เอารถจักรยานเก็บไว้ที่บ้านเพื่อคืนเจ้าของและจำเลยได้มานำไปจากนายสุริยันในคืนวันที่ 15 อ้างว่าจะนำไปคืนเจ้าของเอง นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเบิกความว่าขณะติดตามหารถจักรยานที่ถูกลักไป ผู้เสียหายได้ขอให้ญาติหลายคนรวมทั้งนายสุชาติ จิตแจ่ม หลานชายด้วย ช่วยติดตาม และนายสุชาติมาบอกผู้เสียหายว่าได้ขอให้จำเลยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทช่วยติดตาม จำเลยอ้างนายสุชาติมาเป็นพยานเบิกความประกอบคำจำเลยว่า นายสุชาติขอให้จำเลยช่วยติดตามหารถจักรยานของผู้เสียหายที่ถูกลักไป ถ้าพบให้จำเลยเก็บไว้ที่บ้าน พยานโจทก์จึงเจือสมพยานจำเลย ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า ผู้เสียหายขอให้นายสุชาติหลานชายช่วยติดตามหารถจักรยานที่ถูกลักและนายสุชาติขอร้องให้จำเลยช่วยอีกต่อหนึ่ง จำเลยติดตามได้จึงนำรถจักรยานนั้นมาเก็บไว้ที่บ้านเพื่อคืนแก่เจ้าของ แม้จำเลยจะมิได้นำไปส่งคืนทันที แต่เมื่อนายชัยณรงค์ถูกจับจำเลยก็ไปแจ้งต่อตำรวจทันทีว่ารถจักรยานอยู่ที่จำเลย ทั้งการที่จำเลยนำรถจักรยานมาเก็บไว้ที่บ้านนั้น ก็กระทำโดยเปิดเผย มิได้ปิดบังซ่อนเร้น อันแสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share