คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ.2521 มาตรา 21(8)จำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดีมีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่าด้วยวินัยและการปกครองนักศึกษา พ.ศ.2521 ข้อ 22 กำหนดให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับดังนั้น ในกรณีที่นักศึกษากระทำผิดวินัยอธิการบดีย่อมมีอำนาจที่จะสั่งลงโทษได้ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ร่วมกันทำละเมิดมีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์โจทก์ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นฐานกระทำผิดวินัย โดยโจทก์มิได้กระทำผิดวินัยไม่ได้ทุจริตหรือปกปิดเกี่ยวกับเงินส่วนลดของค่าเช่ารถไปแข่งขันกีฬา จำเลยทั้งสองบิดเบือนความจริง กลั่นแกล้งโจทก์ เพราะสาเหตุเนื่องจากโจทก์เป็นนายกสโมสรนักศึกษาและเป็นผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานอันไม่ถูกต้องของจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดี จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธดังนี้ ปัญหาที่ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยหรือไม่ยังไม่ยุติชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระแสความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1ได้ออกประกาศฉบับที่ 11 โดยมีจำเลยที่ 2 ในตำแหน่งอธิการบดีร่วมลงชื่อว่าโจทก์ในฐานะนายกสโมสรนักศึกษากระทำการอันส่อไปในทางทุจริตรับเงินส่วนลดในการเช่ารถไปแข่งขันกีฬาลงโทษภาคทัณฑ์โจทก์ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วยวินัยและการปกครองนักศึกษา พ.ศ. 2521การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการบิดเบือนและฝ่าฝืนต่อความจริง เพื่อกลั่นแกล้งและลงโทษโจทก์โดยมิชอบ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันเพิกถอนคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองประกาศชี้แจงการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเพื่อให้นักศึกษาทราบเป็นเวลาไม่น้อยกว่า7 วัน และแจ้งให้ผู้ปกครองโจทก์ทราบด้วย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1เป็นการพิจารณาลงโทษโจทก์ตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับมหาวิทยาลัย โจทก์กระทำผิดวินัย และจำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยกลั่นแกล้งโจทก์ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ลงชื่อในประกาศของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อในฐานะส่วนตัว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1ไม่ได้ทำละเมิด จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2521มาตรา 21(8) จำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น จำเลยที่ 1มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่าด้วยวินัยและการปกครองนักศึกษา พ.ศ. 2521 ข้อ 22กำหนดให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับ ดังนั้น ในกรณีที่นักศึกษากระทำผิดวินัย อธิการบดีย่อมมีอำนาจที่จะสั่งลงโทษได้ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ดี ตามฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์มิได้กระทำผิดวินัยไม่ได้ทุจริตหรือปกปิดเกี่ยวกับเงินส่วนลดของค่าเช่ารถ 10,000 บาทแต่ประการใดจำเลยทั้งสองบิดเบือนความจริง กลั่นแกล้งโจทก์ เพราะสาเหตุเนื่องจากโจทก์เป็นนายกสโมสรนักศึกษาและเป็นผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานอันไม่ถูกต้องของจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดี ดังนั้นปัญหาที่ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยหรือไม่ยังไม่ยุติ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระแสความ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share