แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักทรัพย์ไป การลักทรัพย์ย่อมมีความหมายว่า บังอาจเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยการทุจจริตอยู่ในตัวแล้ว ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือโดยการทุจจริต
การอุทธรณ์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์นั้น แม้มิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๙๓ ให้จำคุก ๘ เดือน และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของจำเลยว่าฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตอันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักทรัพย์ไป การลักทรัพย์ย่อมมีความหมายว่าบังอาจจะเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยการทุจจริตอยู่ในตัวแล้ว จึงเป็นการฟ้องที่ครบองค์แห่งความผิด
พิพากษายืน