คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานโจทก์เบิกความถึงวันเกิดเหตุตรงตามฟ้องแต่ว่าต่างกับวันที่ฟ้องไว้ในคดีก่อนไปวันหนึ่งนั้นเพียงเท่านี้จะถือว่าวันเกิดเหตุจริงคือวันที่กล่าวในฟ้องคดีก่อนยังไม่ได้ ถ้าคดีนี้เป็นจริงและคดีมีหลักฐานพอแล้วจำเลยก็ต้องมีผิด
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันไม่น่าเชื่อนั้น ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดีแล้วศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ไม่ได้
ถ้าศาลอุทธรณ์ประสงค์จะฟังพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความเสียก่อนก็ควรให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 136, 138, 303

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกัน ยากที่จะฟังเป็นจริงได้ และวันที่เกิดเหตุแห่งคดีนี้คลาดเคลื่อนกับคดีอาญาแดงที่ 329/2488 จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้โจทก์นำสืบเรื่องวันเวลาที่กระทำผิดตรงกับที่กล่าวในฟ้อง จะว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่างกับฟ้องไม่ได้เป็นแต่ขัดแย้งกับวันที่กล่าวในฟ้องในคดีก่อน ไม่แน่ว่าฟ้องสำนวนไหนเป็นจริง ถ้าคดีนี้มีหลักฐานพอ จำเลยก็ต้องมีผิดจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ย้อนสำนวนไปให้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์ในคดีนี้เบิกความถึงวันเกิดเหตุตรงกับฟ้อง เป็นแต่ต่างกับวันที่ฟ้องไว้ในคดีก่อนไปวันหนึ่งเพียงเท่านี้จะถือว่า วันที่เกิดเหตุจริงคือวันที่กล่าวในฟ้องฉบับก่อนยังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ถ้าฟ้องคดีนี้เป็นความจริงจำเลยก็ต้องมีความผิดนั้นถูกต้องแล้ว แต่ข้อเท็จจริงแห่งคดีนี้ ศาลชั้นต้นอ้างว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันไม่น่าเชื่อ เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแล้ว ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย เมื่อศาลอุทธรณ์ประสงค์จะฟังพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความเสียก่อนก็ควรให้ศาลชั้นต้นสืบให้ แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่นั้น ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาแก้ว่า เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานเสร็จแล้วให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาต่อไป

Share