แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลสั่งว่า ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา นั้น เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งแต่ประการใดแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายไม้ซุงให้โจทก์ ๑๐๐ ท่อน และได้ยืมเงินโจทก์ล่วงหน้าไป ๒๑,๕๙๗.๓๐ บาท จำเลยส่งไม้ให้โจทก์เพียง ๖๗ ท่อน เป็นเงิน ๑๖,๒๕๐.๕๐ บาท แล้วผิดสัญญา ไม่ส่งไม้ที่เหลือ จึงขอให้บังคับจำเลยคืนเงินล่วงหน้า ที่ค้าง ๕,๓๔๖.๘๐ บาท และใช้ค่าปรับให้โจทก์ ๑,๓๒๐ บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ให้จำเลยคืนเงิน ทดรองล่วงหน้า ๕,๓๔๖.๘๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและให้จำเลยใช้ค่าปรับแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนเงินทดรองล่วงหน้า ๑,๗๒๖.๐๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ ๒ ปีนั้น ในวันนัดชี้สองสถาน จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้น ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีโจทก์ไม่เข้าข่ายอายุ ๒ ปี ตามมาตรา ๑๖๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลมิได้วินิจฉัยให้คุณแก่จำเลย จึงมิใช่เป็นการชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น หากเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และเมื่อจำเลยมิได้แถลงคัดค้านหรือโต้แย้งคำสั่งไว้ในเวลาต่อมาแต่อย่างใดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๒) จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ไม่ได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้ ให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น