แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วนใน 21 ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่.(อ้าง ฎีกา 626/2491)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกตามฟ้อง 9 ใน 21 ส่วน ระหว่างการบังคับคดี โจทก์ จำเลยทั้งสี่ และทายาทของผู้ตายบางคนซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีขอให้ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ตามที่ตกลงกัน 8 ข้อ ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ตามขอ โดยสัญญาข้อ 1 ระบุว่า……ทุกคนตกลงกันไม่ให้บังคับตามคำพิพากษา และข้อ 8 ระบุว่า ทุกคนตกลงให้เป็นอันยุติคดีทุกคดี ทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลส่วนข้อ 2 ถึงข้อ 7 เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สิน หลังจากนั้นจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อสัญญาบางข้อมีบางข้อยังไม่ได้ปฏิบัต
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาโดยอ้างว่า ศาลพิพากษาให้โจทก์ล้มละลายแล้วจำเลยมิได้ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือว่าจำเลยทำผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวและมีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาได้
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านว่า สิทธิในการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาได้ระงับไปแล้วขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ครบถ้วน และจำเลยทั้งสี่ไม่อาจปฏิบัติตามได้อย่างแน่แท้เพราะข้อตกลงบางข้อขัดต่อกฎหมายเมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาโดยไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินให้แก่โจทก์ ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว โจทก์จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว และชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาได้ ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไปนั้น เห็นว่า คดีนี้ได้ถึงที่สุด โดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วน ใน 21 ส่วน คิดเป็นราคาประมาณ 19 ล้านบาทเศษ ในในระหว่างบังคับคดี โจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ กันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้วจึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา852 ดังนั้น เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้ว (รวมทั้งคดีนี้ด้วย) และคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าวโจทก์ หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่ ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.