แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดิน จำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่ากับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ในราคา ๗๐,๑๒๕ บาท โจทก์ชำระเงินให้จำเลยครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ตามสัญญา จำเลยทั้งสองต้องคืนราคาที่ดินที่รับไว้จากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอเรียกร้องต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยเพียง ๑๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า สัญญาที่โจทก์ฟ้องทำขึ้นเพื่อประสงค์ที่จะให้โจทก์นำไปแสดงในการขอกู้เงินจากญาติมาลงทุนค้าขาย โดยโจทก์อ้างว่าต้องการจะมาซื้อที่ดินไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันกันจริงตามสัญญา จำเลยมิได้รับเงินราคาที่ดิน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ชำระราคาที่ดินให้จำเลย ๔๓,๐๖๒.๕๐ บาท ไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยไม่ผิดสัญญา แต่เป็นการเลิกสัญญาต่อกัน โจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยทั้งสองต้องคืนเงินราคาที่ดินที่รับไว้แก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๓,๐๖๒.๕๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า มูลแห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองยินยอมเลิกสัญญากับโจทก์และไม่ได้กระทำผิดสัญญา ไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินซึ่งทำผูกพันกันไว้ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ มีใจความว่า จำเลยทั้งสองตกลงขายที่ดินให้โจทก์เป็นเงิน ๗๐,๑๒๕ บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ ๓๕,๐๖๒.๕๐ บาท เงินจำนวนนี้ตกลงให้จำเลยทั้งสองหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๗ ไว้เป็นค่าที่ดินเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท ถ้ามีการเลิกสัญญาเช่านั้นให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วน จำเลยทั้งสองจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ หากโอนไม่ได้ยอมคืนเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้งสองหักเงินค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นราคาที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน ๘,๐๐๐ บาท โจทก์เอารถคืนและไม่ผ่อนชำระราคาที่ดินอีกเลย การที่โจทก์ชำระราคาที่ดินไม่ครบแต่เรียกเอาเงินราคาที่ดินซึ่งชำระไปแล้วคืนจากจำเลยทั้งหมด ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองโดยไม่มีข้อโต้เถียงเป็นอย่างอื่น ปัญหาคงมีว่าจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญากับโจทก์ด้วยหรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองปฏิบัติหลังจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งกำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินเป็นรายเดือนทุกเดือนจนครบจำนวน ๓๕,๐๖๘.๕๐ บาท มาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลา ๓ ปีเศษ จำเลยทั้งสองได้เงินราคาที่ดินจากโจทก์ครั้งเดียวจำนวน ๘,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยเรียกร้องขอบังคับเอาจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา แม้โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองคืนเงินราคาที่ดินที่ได้รับไว้ดังที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง จำเลยทั้งสองก็มิได้โต้แย้งอันแสดงว่าประสงค์จะให้มีการปฏิบัติตามสัญญากันต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยทั้งสองบอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่เคยมีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างอยู่ตามสัญญา และจำเลยทั้งสองมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ ซึ่งเป็นการที่จำเลยทั้งสองได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีกเช่นเดียวกับโจทก์เท่ากับสนองรับตกลงด้วยโดยปริยาย ในการที่โจทก์เลิกสัญญา คู่สัญญาฟ้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยต้องคืนเงินราคาที่ดินซึ่งรับไว้ให้โจทก์
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น