คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกู้เงินไปตามหนังสือสัญญากู้จำเลยสู้ว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารสัญญากู้เพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินตามฟ้องได้ต่อเมื่อขายนาจำเลยจึงเซ็นนามไว้ในสัญญากู้ของโจทก์ก่อนแต่แล้วขายนาไม่ได้ถือว่าจำเลยต่อสู้และจะขอสืบว่าหนี้ตามเอกสารสัญญากู้ไม่สมบูรณ์หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้นและการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์นี้ถือว่าเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสารเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง มาตรา 94 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยชัดเพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญาท้ายฟ้องจำนวนเงิน 100,000 บาท จำเลยผิดนัด ขอศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ทั้งค่าธรรมเนียม

จำเลยให้การว่าจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ตามฟ้องจริง แต่ยังไม่ได้รับเงินไป เนื่องจากโจทก์จะขายที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งจำเลยเป็นผู้วิ่งเต้นจัดการขาย โจทก์จำเลยต่างตกลงกันว่าเมื่อจำเลยขายได้โจทก์จะยอมให้จำเลยยืมเงิน 100,000 บาท โดยโจทก์ได้เซ็นมอบอำนาจให้ไปในแบบพิมพ์แล้วเพื่อเป็นหลักฐานจำเลยเซ็นนามในสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เพราะจำเลยเชื่อว่าคงต้องขายนานั้นได้ จำเลยจึงเซ็นสัญญากู้ให้โจทก์โดยจำเลยมิได้ให้ความสมบูรณ์ด้วยขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดจนกว่าจำเลยจะได้รับเงินตามสัญญานั้น ครั้นต่อมาผู้จะซื้อที่ดินไม่ตกลงจะซื้อโจทก์จึงมิได้จ่ายเงินตามสัญญากู้นั้นให้จำเลย โจทก์จำเลยเป็นคนชอบพอกัน จำเลยจึงมิได้ขอสัญญากู้คืนเชื่อว่าจะไม่เกิดคดีขึ้น ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ศาลแพ่งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยได้รับเงิน 100,000 บาทตามสัญญา พิพากษายกฟ้อง

แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้รับเงินไม่ได้เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญากู้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (ข) พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง

แต่มีความเห็นแย้งว่าจำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ได้ตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย

จำเลยจึงฎีกาขึ้นมา

ศาลฎีกาได้ฟังคำแถลงคู่ความแล้วปรึกษาเห็นว่าความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) บัญญัติห้ามมิให้สืบพยานบุคคลเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร และความในตอนท้ายแห่งมาตราเดียวกันบัญญัติว่าบทบัญญัติแห่งมาตรานี้มิให้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่าพยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือบางส่วนหรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด

เมื่อพิจารณาข้อความทั้งสองวรรคใน กฎหมาย นี้แล้วทำให้เห็นว่าโดยปกติคู่ความจะนำสืบพยานบุคคลแก้ไขข้อความโดยเฉพาะในเรื่องนี้ก็คือหนี้ในเอกสารมิได้ เว้นแต่จะสืบว่าหนี้ตามเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าสืบเพื่อทำลายเอกสารได้ ก็ในเรื่องนี้ จำเลยอ้างว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารเพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินจำนวนนี้ต่อเมื่อขายนาได้ จำเลยจึงได้เซ็นนามให้ไว้ก่อน แต่แล้วก็ขายไม่ได้ ดังปรากฏในคำให้การที่กล่าวแล้วข้างต้นจึงเป็นเรื่องจำเลยประสงค์สืบว่าหนี้ตามเอกสารไม่สมบูรณ์ หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้น คดีจึงเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง มาตรา 94 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังความเห็นแย้ง

หากจะมีข้ออ้างว่าก็ในเอกสารมีข้อความชัดเจนแล้วว่าจำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้วจะให้จำเลยสืบว่าไม่ได้รับเงินไปมิเป็นการให้สืบแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นหรือก็พอจะถือว่าการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์เพื่อทำลายเอกสารนั้นเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสาร เข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง มาตรา 94 โดยชัด เพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว

ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ 799/2493 นั้นรูปคดีไม่เหมือนกับคดีนี้จะยกมาปรับมิได้

เหตุนี้พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาต่อไป ค่าธรรมเนียมชั้นนี้เป็นพับ

Share