แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรที่บิดามารดามิได้ทำการสมรสกันตามกฎหมาย ถ้าเป็นพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของบิดา. ถ้าพฤติการณ์ปรากฏชัดว่าบุตรที่เกิดจากการสมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อเกิดมาแล้วได้อยู่ร่วมกับบิดาและบิดาก็มิได้คัดค้านในการจดทะเบียนการเกิดว่าเป็นบุตรของตน กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิ์ได้รับมรดกของบิดา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เด็กชายบุญฉิมเป็นบุตรนายฉ่ำขอลงชื่อรับมรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าเด็กชายบุญฉิมมิได้เป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมายของนายฉ่ำเพราะ นางผ่อนกับนายฉ่ำมิได้จดทะเบียนสมรส
โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยานแล้วแถลงรับกันดังนี้ ๑.นางผ่องได้อยู่กินกับนายฉ่ำมาแต่ พ.ศ. ๒๔๗๙ ๒.บัญชีเครือญาติท้ายคำขอรับมรดกที่ดินที่หอทะเบียนนั้นจำเลยรับว่าได้แจ้งไว้เช่นนั้นจริง ๓.สูติบัตรแจ้งการเกิดของเด็กชายฉิมโจทก์รับว่าเป็นผู้ไปแจ้งเอง ๔.โจทก์รับว่าได้คลอดเด็กชายบุญฉิมที่บ้านนางเมี้ยนซึ่งห่างบ้านที่อยู่ประมาณ ๑๐ ว่า เพราะนายฉ่ำว่าที่บ้านนั้นไม่เคยมีการคลอดบุตร ๕.นายฉ่ำถึงแก่กรรมภายหลังเด็กชายบุญฉิมได้คลอดแล้วเดือนเศษ ที่บ้ายนางผ่องนายฉ่ำได้อยู่ด้วยกันมา ๖. นางผ่องกับเด็กชายบุญฉิมได้อยู่กินกับนายฉ่ำตลอดมาจนนายฉ่ำถึงแก่กรรม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์กับนายฉ่ำไม่เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่เมื่อ ด.ช.บุญฉิมเกิดแล้วก็อยู่ร่วมกับนายฉ่ำตลอดมา เมื่อโจทก์ไปแจ้งการเกิดก็แจ้งว่าเป็นบุตรนายฉ่ำซึ่งนายฉ่ำมิได้คัดค้านประการใด พฤติการณ์เป็นที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่า ด.ช.บุญฉิมเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมายของนายฉ่ำตามประมวลแพ่งฯ ม.๑๕๒๔ พิพากษาให้เด็กชายบุญฉิมรับมรดกที่ดินส่วนของนายฉ่ำร่วมกับจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่โจทก์จำเลยรับกันตามรายงานพิจารณา ๖ ข้อนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ด.ช.บุญฉิมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายฉ่ำ และในใบคำขอรับมรดกซึ่งจำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆ จำเลยได้แจ้งว่านางผ่องกับเด็กชายไม่รู้จักชื่ออายุประมาณ ๓ ปี(ซึ่งต้องหมายถึงเด็กชายบุญฉิม) เป็นภริยาและบุตรนายฉ่ำ ได้ความเช่นนี้ต้องฟังว่า ด.ช.บุญฉิมเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมายของนายฉ่ำและมีสิทธิ์รับมรดกของบิดาด้วย จึงพิพากษายืนตาม