คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3900/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์หรือเรียกค่าเสียหายมาด้วย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยจะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์เอาผลประโยชน์ที่ได้รับมาวางศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหาได้ไม่เพราะผลทางคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ไปเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์ของที่ดินตามที่จำเลยขอคุ้มครอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยทั้งสามอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสามแล้ววินิจฉัยว่า กรณีไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับ ทั้งคำร้องไม่เพียงพอจะถือได้ว่าเป็นคำร้องเพื่อคุ้มครองในระหว่างการพิจารณาแต่อย่างใด ให้ยกคำร้องจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น เห็นว่า โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์หรือเรียกค่าเสียหายมาด้วย จำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์เอาผลประโยชน์ที่ได้รับจากที่ดินพิพาทมาวางศาลจนกว่าคดีถึงที่สุดหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะ ศาลก็จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ไปเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์ของที่ดินตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share