แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือนและปรับ 500 บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้าน ปรับ 250 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน และปรับ 500 บาท รวมจำคุก 1 ปี 8 เดือน และปรับ 3,250 บาทและให้รอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือนฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะจำคุก 3 เดือนฐานยิงปืนในหมู่บ้าน ปรับ 250 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน ปรับ 250 บาทโดยไม่รอการลงโทษ เป็นความผิด 4 กระทง แต่ละกระทง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์จะแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 6
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกระทงกล่าวคือ (ก) จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองพกขนาด 12 จำนวน 1 กระบอกไม่มีเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนประทับและกระสุนปืนขนาด 12จำนวน 1 นัด ไว้ในความครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย (ข) จำเลยได้บังอาจพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวในข้อ (ก) ติดตัวไปในหมู่บ้านและในถนนอันเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและมิใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ (ค) จำเลยได้บังอาจยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดจากเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว 1 นัดในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ (ง) จำเลยบังอาจขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานตรวจและยึดอาวุธปืนดังกล่าวได้เข้ายื้อแย่งอาวุธปืนและไม่ยอมให้เจ้าพนักงานจับจำเลยเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดได้อาวุธปืน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืน 1 นัด ซึ่งจำเลยมีไว้และใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 และฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376, 138, 91, 32, 33 ขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนในความครอบครองพร้อมเครื่องกระสุนปืน จำคุก 2 ปี ปรับ 4,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 1 ปี และปรับ 1,000 บาทฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้านปรับ 500 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำคุก 4 เดือนและปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก3 ปี 4 เดือน และปรับ 6,500 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ3,250 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 6 ให้จำคุก 1 ปี ลงโทษตาม มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 3, 7 ให้จำคุก 6 เดือน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ให้ปรับ 500 บาท ลงโทษตามมาตรา 138 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 4 จำคุก 2 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน และปรับ 500 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 เดือนปรับ 250 บาท โดยไม่รอการลงโทษนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้าน ปรับ 250 บาทฐานขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 2 เดือน และปรับ 500 บาท รวมจำคุก1 ปี 8 เดือน และปรับ 3,250 บาท และให้รอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ จำคุก 3 เดือน ฐานยิงปืนในหมู่บ้านปรับ 250 บาทฐานขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน ปรับ 250 บาทโดยไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้เป็นความผิด 4 กระทงแต่ละกระทงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์จะแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 6 ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย