แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฆ่าบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ย่อมถือว่าจำเลยได้กระทำการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูไป โดยมิต้องคำนึงว่าในปัจจุบันบุตรที่ตายจะได้กำลังอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ผู้เป็นมารดาอยู่หรือไม่ ส่วนค่าเสียหายจะเท่าใดศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร ส่วนค่าเสียหายเพื่อความวิปโยคโทมนัสนั้นเรียกไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าปลงศพเผาผีนายเปรียว ทองสึก บุตร+ โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยได้ฆ่านายเปรียว ทองสึก ตาย อัยการได้ฟ้องจำเลย ๆ ได้ถูกศาลลงโทษไปแล้วตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ ๔๑๘/๒๔๙๗ ของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์ได้รับความวิปโยคแสนสาหัสเพราะสูญเสียบุตรและขาดการอุปการะคิดเป็นเงินเดือนละ ๖๐๐ บาท ค่าทำศพ ๒๓๐๐ บาท จึงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๑๘๐๐๐ บาท กับค่าปลงศพอีก ๒๐๐๐ บาท รวมเป็น ๒๐๐๐๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่านายเปรียวไม่ได้ให้ความอุปการะแก่โจทก์อย่างใดขณะมีชีวิต และเป็นคนประพฤติไม่ดี โจทก์เองยังไม่คบหากับนายเปรียว การทำศพภริยานายเปรียวใช้จ่ายไปเพียง ๔๐๐ บาท โจทก์หาได้เกี่ยวข้องกับการทำศพไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ตัวนางทรัพย์โจทก์เองไม่ได้มาเบิกความเป็นพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้เสียหายดั่งฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า จำเลยได้ละเมิดโจทก์เพราะทำให้บุตรโจทก์ถึงตาย จำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานขาดไร้อุปการะ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๔๔๓ วรรค ๓ เพราะบุตรย่อมมีหน้าที่อุปการะบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๑๕๓๕ ทั้งนี้โดยมิต้องพิจารณาว่าปัจจุบันนายเปรียวบุตรจะได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ผู้เป็นมารดาอยู่หรือไม่ ส่วนค่าสินไหมทดแทนจะเท่าใดศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร คือสำหรับคดีนี้ให้ ๑๐๐๐ บาท ค่าทำศพ ๑๐๐๐ บาท ที่โจทก์เรียกค่าวิปโยคเศร้าโศรกเสียใจนั้นศาลไม่คิดให้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้