คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งโจทก์ได้ออกเงินทดรองไปตามที่จำเลยสั่งซื้อจึงเป็นเรื่องตัวแทนเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปในกิจการอันตัวการมอบหมายแก่ตน จากตัวการตาม ป.พ.พ. มาตรา 816 ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งโจทก์ได้ซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยและได้ออกเงินทดรองไปก่อนเมื่อหักกลบลบหนี้แล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นเงิน 104,968.20 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี เป็นเงิน 7,190.31 บาท รวมเป็นเงิน112,158.51 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 112,158.51 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของเงิน 104,968.20 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นใบมอบอำนาจปลอมจำเลยไม่เคยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้น โจทก์ไม่ใช่สมาชิกในตลาดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ไม่มีอำนาจทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 86,722.46 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12.5 ต่ปี ในเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำะรเสร็จให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความแทนโจทก์ 2,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยแต่งตั้งโจทก์ให้ซื้อหลักทรัพย์โจทก์อยู่ในฐานะเป็นตัวแทนค้าต่างซึ่งตกอยู่ในบังคับอายุความ2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) โจทก์ออกเงินทดรองแทนจำเลยไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2522 โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้และอายุความเริ่มนับตั้งแต่บัดนั้น โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2524 เกิน 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยรวมสองศาล โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งว่า จำเลยได้ตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ตามหนังสือแต่งตั้งตัวแทนให้ซื้อขายหลักทรัพย์เอกสารหมาย จ.7, จ.8 จำเลยได้สั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นบริษัทเฟิสท์ทรัสต์ จำกัด จำนวน 500 หุ้น หุ้นละ 524 บาท เป็นเงิน262,000 บาทแทนจำเลย โดยโจทก์ได้จ่ายเงินทดรองไปก่อนรวมทั้งค่านายหน้าเป็นเงิน 263,310 บาท จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์บางส่วนแล้ว คงเหลือหนี้ค้างอยู่ 83,509.30 บาท และจำเลยได้สั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นบริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลส์ จำนวน 300 หุ้น หุ้นละ 442 บาทเป็นเงิน 132,600 บาท โจทก์ได้จ่ายเงินทดทรองรวมทั้งค่านายหน้าเป็นเงิน 133,263 บาท จำเลยชำระเงินให้โจทก์บางส่วนคงค้างชำระ29,759.40 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยค้างชำระโจทก์ทั้งสิ้นจำนวน113,268.70 บาท ต่อมาโจทก์ได้นำหุ้นจำนวน 500 หุ้น ของบริษัทเฟิสท์ทรัสต์ที่ซื้อไว้แทนจำเลยออกขายแล้วนำเงินที่ได้มาหักหนี้จำนวนดังกล่าว ตามหนังสือสัญญาแต่งตั้งตัวแทน คงเหลือเงินสุทธิที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่อีก 86,722.46 บาทจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ดังกล่าว
มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งโจทก์ได้ออกเงินทดรองไปตามที่จำเลยสั่งซื้อจึงเป็นเรื่องตัวแทนเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปในกิจการอันตัวการมอบหมายแก่ตนจากตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164โจทก์ฟ้องคดีภายในระยะเวลา 10 ปี นับแต่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า โจทก์มิได้เป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2517 ไม่มีอำนาจทำการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น เห็นว่าโจทก์มีเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.5 มาสืบแสดงว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์และเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารที่โจทก์อ้างดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องฟังว่า โจทก์เป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์และมีอำนาจซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามกฎหมาย
ที่จำเลยอ้างในคำแก้ฎีกาว่า หุ้นบริษัท เฟิสท์ทรัสต์ จำกัด และบริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลส์ จำกัด ไม่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องห้ามซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โจทก์ไม่อาจนำเอาหุ้นดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องเงินค่าซื้อหุ้นจากจำเลยก็ดี โจทก์ขายหุ้นของจำเลยโดยไม่สุจริตและไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายก็ดี เป็นข้อกล่าวอ้างนอกประเด็นจากที่จำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้สั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นโดยโจทก์จ่ายเงินทดรองไปก่อนหักหนี้กันแล้วจำเลยยังคงมีหนี้ค้างชำระโจทก์อยู่อีก 86,722.46 บาท และจำเลยผิดนัดแล้ว จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามสัญญาตั้งตัวแทน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโจทก์เพราะคดีขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้บังคับไปตามพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาทแทนโจทก์”.

Share