คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรือลำพิพาทเป็นของโจทก์แต่จำเลยกลับถือโอกาสที่ ทะเบียนเรือยังเป็นชื่อของจำเลยมอบอำนาจให้ ส. ไปแจ้งความ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหาความผิด ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเรือลำพิพาท เป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับกุมดำเนินคดีและเรือลำพิพาทถูกยึดแล้วจำเลยติดต่อ ขอรับเรือลำพิพาทจากพนักงานสอบสวนไปใช้ในกิจการของจำเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การกระทำของจำเลยจึงไม่ชอบและเป็น การละเมิดสิทธิของโจทก์ จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองเรือประมงพร้อมด้วยเครื่องยนต์อันเป็นเรือที่โจทก์ว่าจ้างนายผ่องเป็นผู้ต่อเรือให้สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ 390,000 บาทเมื่อต่อเรือเสร็จในปี พ.ศ. 2519 โจทก์ไม่มีเงินซื้อเครื่องยนต์เรือจึงให้จำเลยออกเงินซื้อให้ก่อนโดยตกลงกันว่า เมื่อโจทก์ออกจับปลามาได้ โจทก์ต้องนำปลามาขายให้แก่จำเลยเพื่อหักกลบลบหนี้ค่าเครื่องยนต์เรือที่จำเลยออกเงินทดรองซื้อให้ก่อน ซึ่งจำเลยได้ซื้อเครื่องยนต์เรือราคาประมาณ 490,000 บาท และเพื่อเป็นประกันมิให้โจทก์ผิดสัญญาจำเลยให้โจทก์ใส่ชื่อจำเลยทางทะเบียนเป็นเจ้าของเรือ เมื่อโจทก์จับปลามาขายหักกลบลบหนี้แก่จำเลยตามจำนวนดังกล่าวครบถ้วนแล้ว จำเลยจะโอนชื่อทางทะเบียนเรือคืนให้แก่โจทก์ ต่อมาน้ำมันขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น การจับปลาขาดทุนจำเลยประสงค์ที่จะเลิกการทดรองออกเงินทุนให้โจทก์เรียกโจทก์มาคิดบัญชีปรากฏว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลย 687,000 บาท โจทก์ขอกู้เงินธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาระยองจำนวนเงิน 687,000 บาท ชำระหนี้ให้แก่จำเลยโดยจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันให้แก่โจทก์หลังจากชำระหนี้ให้จำเลยแล้ว โจทก์ขอให้จำเลยโอนชื่อทะเบียนเรือพิพาทมาเป็นชื่อของโจทก์ แต่จำเลยเกี่ยงให้โจทก์ชำระหนี้แก่ธนาคารเสียก่อน โจทก์ถือว่าได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบถ้วนตามข้อตกลงแล้ว จึงนำเรือพิพาทออกไปหาจับปลาทางจังหวัดภาคใต้ จำเลยได้มอบอำนาจให้นายสมควรไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรเรือลำพิพาท พนักงานสอบสวนได้จับกุมโจทก์และยึดเรือของโจทก์ไปประกอบการดำเนินคดี การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ 3 วัน จึงได้รับการประกันตัวและจำเลยได้ขอรับเรือลำพิพาทไปจากพนักงานสอบสวนโดยมิชอบ ขอให้จำเลยส่งมอบเรือลำพิพาท และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของเรือประมงลำพิพาทพร้อมเครื่องยนต์เรือโดยจำเลยมอบให้โจทก์เป็นตัวแทนหาอู่ต่อเรือ จำเลยเป็นผู้ออกเงินเองทั้งสิ้นรวมทั้งอุปกรณ์ในการจับปลา เมื่อต่อเรือเสร็จจำเลยมอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ควบคุมดูแลเรือโดยจำเลยเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่อมาโจทก์ขออนุญาตจำเลยนำเรือไปจับปลาทางจังหวัดภาคใต้ จำเลยไม่อนุญาต โจทก์กลับลักลอบนำเรือลำพิพาทหนีไป จำเลยกระทำโดยสุจริต มิได้ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าเรือลำพิพาทเป็นของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การต่อเรือลำพิพาทกระทำโดยทุนทรัพย์ของโจทก์ จำเลยเป็นเพียงผู้นำเครื่องยนต์เรือมาติดตั้ง ซึ่งต่อมามีการคิดบัญชีกัน โจทก์กู้เงินจากธนาคารชดใช้หนี้ให้แก่จำเลยแล้ว การที่จำเลยร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่โจทก์และขอรับเรือลำพิพาทไปเก็บรักษา ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยส่งมอบเรือลำพิพาทให้แก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งคืนได้ให้ใช้ราคา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า การต่อเรือลำพิพาทโจทก์เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ของโจทก์เอง ส่วนจำเลยเป็นเพียงผู้นำเครื่องยนต์มาติดตั้ง การที่ทะเบียนเรือเป็นชื่อของจำเลยเป็นไปตามข้อตกลง โดยจำเลยจะโอนทะเบียนเรือเป็นชื่อของโจทก์ต่อเมื่อจำเลยหักชำระหนี้จากโจทก์ครบถ้วนแล้ว และได้มีการคิดบัญชีหนี้สินกัน ปรากฏว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่ 687,000 บาท โจทก์กู้เงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาระยอง โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน และโจทก์โอนเงินจำนวน 687,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลยชำระหนี้ให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยต้องโอนทะเบียนเรือพิพาทให้แก่โจทก์ตามข้อตกลง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เรือลำพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ชำระหนี้ค่าเครื่องยนต์เรือตลอดจนหนี้สินอื่น ๆ รวมเป็นจำนวน 687,000 บาท ให้แก่จำเลยแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องโอนทะเบียนเรือลำพิพาทให้แก่โจทก์ แต่จำเลยกลับถือโอกาสที่ทะเบียนเรือยังเป็นชื่อของจำเลยมอบอำนาจให้นายสมควรไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแกลง ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเรือลำพิพาท เป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับกุมดำเนินคดีและเรือลำพิพาทถูกยึด แล้วจำเลยติดต่อขอรับเรือลำพิพาทจากพนักงานสอบสวนไปใช้ในกิจการของจำเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การกระทำของจำเลยจึงไม่ชอบและเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share