คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อศาลฟังพยานโจทก์ได้ความว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุศาลย่อมลงโทษเท่าที่จำเลยได้กระทำผิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกับพวกฆ่านายบุญตาย และลักทรัพย์ของนายบุญ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วฟังว่า จำเลยได้ฆ่านายบุญตายจริง แต่กระทำโดยป้องกันตัวเกินแก่เหตุ และเชื่อว่าเอาทรัพย์ไปจริงดังฟ้อง จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 293, 63 ให้ลงโทษตามมาตรา 249 จำคุก 20 ปี และลดป้องกันตัวตามมาตรา 53 และลดฐานปรานีตามมาตรา 59 อีกกึ่งหนึ่งคงจำคุก 5 ปี

โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลไม่มีอำนาจลดโทษฐานป้องกันตัวเกินกว่าเหตุและฟังคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยไม่ได้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 293, 63 ซึ่งมาตรา 249 กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษจำคุกผู้กระทำผิดไว้ 3 สถาน สถานที่สูงสุดให้ประหารชีวิตและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 บัญญัติว่าคดีซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป แม้จำเลยรับสารภาพศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงคดีนี้ ศาลได้ฟังคำพยานโจทก์แล้ว ได้ความว่า จำเลยฆ่านายบุญตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลย่อมลงโทษเท่าที่จำเลยกระทำผิดได้

พิพากษายืน

Share