คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้านแม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น ‘ผู้หนึ่งในครอบครัว’ ของผู้เช่าตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลงภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหาร ได้เช่าบ้านของโจทก์อยู่ ต่อมาผู้เช่าถึงแก่กรรมจำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเช่า ได้มีหนังสือแสดงความจำนงขออยู่ต่อไปตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แต่โจทก์เห็นว่า จำเลยมิได้เป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย

จำเลยต่อสู้ว่า เป็นภรรยาของ พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหารแต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เพราะขณะนั้นพระยาพิทักษ์ทวยหารมีภรรยาอยู่แล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่รับกันว่าจำเลยอยู่กับพระยาพิทักษ์ทวยหารในบ้านรายนี้ มาช้านานในฐานะเป็นภรรยาพระยาพิทักษ์ทวยหาร และทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าบ้าน เช่นนี้ย่อมเป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่า จำเลยเป็น “ผู้หนึ่งในครอบครัว” ของพระยาพิทักษ์ทวยหารตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าแล้ว แม้มิได้จดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้ข้อวินิจฉัยในคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share