คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ใช้ตรอกพิพาทเป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ทางสาธารณะมากว่าสิบปีแล้วตรอกพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 และมิใช่เป็นการได้มาโดยนิติกรรมอันจะต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299
อายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374เป็นเรื่องผู้ครอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรัพย์สินเพราะมีผู้สอดเข้าเกี่ยวข้อง มิใช่อายุความบังคับแก่เรื่องภารจำยอมซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 เป็นเรื่องให้เจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกซึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกไปได้เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีตรอกพิพาทเป็นทางภารจำยอมออกสู่ทางสาธารณะได้อยู่ก่อนแล้วจึงนำเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 มาปรับไม่ได้
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันล้อมรั้วปิดตรอกพิพาทแม้จำเลยที่ 1 จะได้แบ่งขายที่ดินรวมทั้งตรอกพิพาทให้จำเลยร่วมอีกคนหนึ่งไปแล้วและจำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมาก่อนโจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องจำเลยทั้งสองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันทำประตูปิดกั้นตรอกทางเดินซึ่งโจทก์กับจำเลยได้ใช้ร่วมกันมาหลายสิบปี ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดทาง

จำเลยที่ 1 สู้ว่า โจทก์มีทางเดินทางอื่น โจทก์เพิ่งมาใช้ทางเดินในที่ดินจำเลยเป็นครั้งคราวเมื่อ 5-6 ปีมานี้ ทำให้จำเลยเดือดร้อน จำเลยทำประตูปิดกั้นตรอกทางเดินในที่ดินของจำเลย และจำเลยได้แบ่งแยกโฉนดโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย จำเลยที่ 2 ให้การว่าเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 ได้ช่วยจำเลยที่ 1 ล้อมรั้วทำประตูก็เพื่อความปลอดภัยของบ้านและทรัพย์สินไม่ต้องรับผิดชอบ

เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดี ศาลอนุญาต จำเลยร่วมให้การว่า โจทก์เพิ่งเดินผ่านที่ดินจำเลยที่ 1 ก่อนเกิดคดีทำลายรั้ว 4-5 ปี โจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยว่ากล่าวกันที่อำเภอไม่ตกลงกัน อำเภอสั่งให้ฟ้องก็ไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าตรอกพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมโดยทางอายุความ ให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดประตูรั้วและเปิดตรอกทางเดินพิพาทให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ใช้ตรอกพิพาทเป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ทางสาธารณะมากว่าสิบปีแล้ว ตรอกพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้จดทะเบียนภารจำยอมไว้ในโฉนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง เห็นว่าการได้ภารจำยอมเป็นการได้มาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 มิใช่เป็นการได้มาโดยนิติกรรมอันจะต้องจดทะเบียนการได้มาตามมาตรา 1299

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ถูกรบกวนสิทธิ คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374 เห็นว่าอายุความ 1 ปีตามมาตรา 1374 เป็นเรื่องผู้ครอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรัพย์สินเพราะมีผู้สอดเข้าเกี่ยวข้อง แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางภารจำยอม ซึ่งยังมิได้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะอีกทางหนึ่ง โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 เห็นว่า มาตรา 1350 เป็นเรื่องให้เจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกซึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกไปได้ แต่ปรากฎว่าโจทก์มีตรอกพิพาทเป็นทางภารจำยอมออกสู่ทางสาธารณะได้อยู่ก่อนแล้ว จึงนำเอามาตรา 1350 มาปรับกับคดีนี้ไม่ได้

ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ได้แบ่งขายที่ดินรวมทั้งตรอกพิพาทให้จำเลยร่วมไปแล้ว และจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมาแต่ต้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันล้อมรั้วปิดตรอกพิพาท โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องจำเลยทั้งสองได้

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share