แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาแบบ ซี.ไอ.เอฟ เป็นสัญญาซื้อขายที่ระบุราคาสินค้าโดยคิดรวมค่าระวางบรรทุกและค่าประกันภัยไว้ด้วย เมื่อโจทก์ผู้ขายว่ามีข้อสัญญากันเป็นพิเศษให้ผู้ซื้อเป็นผู้เสียค่าระวางบรรทุก แต่จำเลยปฏิเสธ เช่นนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้กล่าวอ้าง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบ
การที่โจทก์ผู้ขายได้รับเงินค่าขายไม้จากผู้ซื้อค่าระวางบรรทุกเป็นค่าใช้จ่ายอยู่ในการลงทุนของโจทก์และผู้ซื้อได้ชำระค่าระวางแทนโจทก์จากเงินราคาค่าไม้ที่โจทก์ได้รับชำระจากผู้ซื้อ จึงต้องถือว่าเงินค่าขายไม้เป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหรือรายรับของโจทก์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ฉะนั้น ที่เจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลจากโจทก์สำหรับค่าระวางด้วย จึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ้างฎีกาที่ 785/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ส่งไม้ไปขายที่ต่างประเทศ สัญญาซื้อขายทำกันในรูป ซี.ไอ.เอฟ หรือ ซี.แอนด์.เอฟ และได้ตกลงกับผู้ซื้อให้ผู้ซื้อเป็นผู้เสียค่าระวางบรรทุกเอง เมื่อยื่นรายการเสียภาษีการค้า โจทก์จึงไม่ได้ยื่นรายการค่าระวางบรรทุก แต่เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าโจทก์ยื่นรายการเสียภาษีต่ำกว่าจำนวนที่ควรเสีย เรียกให้โจทก์เสียภาษีการค้ากับภาษีเทศบาลและภาษีเพิ่มรวมเป็นเงิน ๗๐,๒๖๘.๕๒ บาท โจทก์อุทธรณ์การประเมิน แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์เข้าใจกฎหมายผิด คงให้โจทก์เสียภาษีเป็นเงิน ๕๘,๕๕๗.๑๐ บาท จึงขอให้ศษลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี และยกคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรเสีย
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามที่เจ้าพนักงานประเมิน ให้ยกคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ตกลงให้ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องชำระค่าระวางบรรทุกพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่า สัญญาแบบ ซี.ไอ.เอฟ.นั้น หมายความว่า เป็นสัญญาซื้อขายที่ระบุราคาสินค้าโดยคิดรวมค่าระวางบรรทุกและค่าประกันภัยไว้ด้วย แต่โจทก์อ้างว่าถึงแม้โจทก์ทำสัญญาแบบ ซี.ไอ.เอฟ. หรือระบุราคาซื้อขายเป็น ซี.ไอ.เอฟ.ก็ตาม แต่คู่สัญญาตกลงกันให้ผู้ซื้อเป็นผู้เสียค่าระวางบรรทุกโดยมีข้อสัญญากับเป็นพิเศษ และผู้ซื้อได้ชำระค่าระวางบรรทุกให้แก่บริษัทเดินเรือผู้ขนส่งไปโดยตรง โจทก์ผู้ขายไม่ได้รับเงินค่าระวางนี้อย่างใดเลย ฝ่ายจำเลยเห็นว่าค่าระวางนี้ผู้ซื้อชำระแทนโจทก์ ถือว่าโจทก์ได้รับชำระราคาสำหรับค่าระวางด้วย จึงเป็นรายรับที่โจทก์จะต้องเสียภาษี ข้อเท็จจริงประการแรกก็คือ การซื้อขายที่โจทก์ฟ้องนี้ คู่สัญญาได้ตกลงกันให้ผู้ซื้อเป็นฝ่ายเสียค่าระวางบรรทุกหรือไม่ ตามข้อนี้ โจทก์เป็นผู้กล่าวอ้างและจำเลยว่าไม่เป็นความจริงจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบ เห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอันแสดงขัดในข้อนี้
ตามพฤติการณ์ต้องฟังว่าโจทก์ได้รับเงินค่าขายไม้จากผู้ซื้อเต็มตามราคา ๓๕.๑๕.๐ ปอนด์ ต่อต้น ค่าระวางบรรทุกเป็นค่าใช้จ่ายอยู่ในการกการลงทุนของโจทก์ และผู้ซื้อได้ทำการชำระค่าระวางแทนโจทก์จากเงินราคาค่าไม้ที่โจทก์ได้รับชำระจากผู้ซื้อ เงินค่าขายไม้ ๓๕.๑๕.๐ ปอนด์ ต่อต้น จึงต้องถือว่าเป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหรือรายรับของโจทก์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๘ ซึ่งบัญญัติว่า “รายรับ” หมายความว่าเงินหรือค่าบริการทุกชนิดที่ได้รับชำระ ไม่ว่าในหรือนอกประเทศ เนื่องจากการประกอบหรือดำเนินการค้า ฯลฯ ” ที่เจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลจากโจทก์สำหรับว่าระวางด้วยจึงเป็นการถูกต้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์