คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การสื่อสารแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 รับฝากสินค้าทับทิมเจียระไนราคาหกแสนบาทเศษจากโจทก์แล้วให้บริษัทการบินจำเลยที่ 2เป็นผู้ส่งถุงไปรษณีย์บรรจุสินค้านั้นจนถึงเมืองปลายทางในต่างประเทศโดยโจทก์ประกันภัยการขนส่งสินค้าดังกล่าวไว้กับผู้ร้องสอด ปรากฏว่าสินค้าสูญหาย เมื่อการฝากส่งสินค้าของโจทก์เป็นลักษณะไปรษณียภัณฑ์ลงทะเบียนประเภทจดหมายรับประกันโจทก์ขอให้รับประกันไว้เป็นจำนวนเงิน 3,950 บาท หรือ 500แฟรงก์ทองซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่จำเลยที่ 1 จะรับประกันได้จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามจำนวนที่รับประกันไว้ แม้จะมีการแจ้งราคาไว้ในแบบพิมพ์ที่ปิดไว้ที่ไปรษณียภัณฑ์เพื่อประโยชน์ของโจทก์ทางศุลกากร ก็มิใช่การระบุแจ้งราคาต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์พ.ศ. 2477 มาตรา 30
การขนไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จะนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 8 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ดังนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งมีนิติสัมพันธ์เฉพาะกับจำเลยที่ 1 จึงมิใช่ผู้ขนส่งหลายคนหรือหลายทอด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 และโจทก์ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2524 โจทก์ส่งทับทิมเจียระไน 1 เม็ด ราคา 667,156.50 บาท ไปจำหน่ายแก่ผู้ซื้อ ณประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเสียค่าธรรมเนียมส่งเป็นไปรษณียภัณฑ์ต่างประเทศลงทะเบียนรับประกันต่อจำเลยที่ 1 โดยแจ้งสิ่งของน้ำหนัก ราคาของสิ่งของตามแบบพิมพ์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ขนส่ง ต่อมาเดือนมีนาคม 2524 โจทก์ได้รับแจ้งจากผู้ซื้อว่ายังมิได้รับสินค้าที่ส่งไปจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ส่งตามราคาอันแท้จริงของสิ่งของไปรษณียภัณฑ์ ตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ทำการขนส่งต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายตามราคาทับทิมดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ประเภทจดหมายรับประกันโดยโจทก์ขอประกันไว้กับจำเลยที่ 1 ในประเภทจดหมายรับประกันเป็นเงิน 3,950 บาท จำเลยที่ 1 มิได้มีระเบียบข้อบังคับ หรือแบบพิมพ์กำหนดให้ผู้ฝากส่งต้องจดแจ้งว่าได้บรรจุสิ่งของใด น้ำหนักและราคาเท่าใด และที่โจทก์อ้างว่าได้บรรจุทับทิมเจียระไน จำเลยที่ 1 ไม่จำต้องรับรู้ หากต้องรับผิดจำเลยที่ 1 ก็รับผิดเฉพาะค่ารับประกันและค่าธรรมเนียมรวมเป็นเงิน 4,287 บาท เท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เคยนำเที่ยวไปรษณีย์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งปิดและมีตราประทับเรียบร้อยไปส่งที่ทำการไปรษณีย์ต่างประเทศหลายครั้ง จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าในเที่ยวไปรษณีย์นั้นมีสิ่งใดบรรจุอยู่และนำส่งถุงไปรษณีย์ไปยังปลายทางโดยถุงและตรามิได้ชำรุดจำเลยที่ 2มิได้ทำให้สินค้าของโจทก์สูญหาย จึงไม่ต้องรับผิด ผู้ร้องสอดรับประกันภัยในการขนส่งทางทะเล มิได้คุ้มครองการขนส่งทางไปรษณีย์และทางอากาศ ผู้ร้องสอดไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระเงินแก่โจทก์ จึงเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ 2 ไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
บริษัทไพบูลย์ประกันภัย จำกัด ร้องสอดว่า ผู้ร้องรับประกันกับการขนส่งสินค้าอัญมณีดังกล่าวในวงเงิน 743,958.24 บาท ต่อมาได้รับแจ้งจากโจทก์ว่าสินค้าดังกล่าวหายไป ผู้ร้องได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แล้วตามจำนวนดังกล่าว และรับช่วงสิทธิมาเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสอง จึงขอร้องสอดเข้ามาแทนที่โจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายรวม 4,287บาท พร้อมดอกเบี้ยและยกฟ้องจำเลยที่ 2
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ลงทะเบียนและรับประกันกับจำเลยที่ 1 เพื่อให้ส่งไปยังผู้รับปลายทางที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปรษณีย์ภัณฑ์ที่โจทก์ฝากส่งได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย และผ่านพิธีการทางศุลกากรแล้วจำเลยที่ 1 ออกใบรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นให้โจทก์ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.7 แล้วโจทก์ประกันภัยไปรษณีย์ภัณฑ์ดังกล่าวไว้กับผู้ร้องสอดเป็นเงิน 35,888 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยจำนวน743,958.24 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 มอบถุงไปรษณีย์ซึ่งมีไปรษณีย์ภัณฑ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วยให้จำเลยที่ 2 ขนส่งไปยังปลายทางจำเลยที่ 2 ขนถุงไปรษณีย์ดังกล่าวไปส่งแก่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ไปรษณีย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แจ้งมายังจำเลยที่ 1 ว่าถุงไปรษณีย์ถึงเมืองปลายทางในสภาพเรียบร้อย แต่ไปรษณีย์ภัณฑ์ของโจทก์สูญหายไป ในชั้นนี้มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนราคาไปรษณีย์ภัณฑ์ดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด ที่ผู้ร้องสอดฎีกาว่าโจทก์ฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ลงทะเบียนและรับประกันกับจำเลยที่ 1 โดยระบุแจ้งราคาไว้ในแบบพิมพ์ ซี.1 ซึ่งปิดไว้ที่ไปรษณีย์ภัณฑ์แล้ว เมื่อไปรษณีย์ภัณฑ์ของโจทก์สูญหายไป จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามราคาที่โจทก์ระบุแจ้งไว้ตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 มาตรา 30 นั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 บัญญัติให้การขนไปรษณีย์ภัณฑ์ในหน้าที่กรมไปรษณีย์โทรเลขอยู่ในบังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ดังนี้ การที่โจทก์ฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 จึงต้องบังคับตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 และไปรษณีย์นิเทศ พุทธศักราช 2520 ซึ่งเป็นกฎหมายและข้อบังคับที่ใช้อยู่ในขณะโจทก์ฝากส่งไปรษณียภัณฑ์นั้น ไปรษณียภัณฑ์ที่โจทก์ฝากส่งโดยลงทะเบียนและรับประกันเป็นไปรษณีย์ภัณฑ์ชนิดจดหมาย อีกทั้งการที่โจทก์ระบุแจ้งราคาไว้ในแบบพิมพ์ ซี.1 ซึ่งปิดไว้ที่ไปรษณีย์ภัณฑ์เป็นการระบุแจ้งเพื่อประโยชน์ของโจทก์ทางศุลกากร หาใช่ระบุแจ้งราคาต่อจำเลยที่ 1 ไม่ ผู้ฝากส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ชนิดจดหมายจะขอให้รับประกันได้เป็นจำนวนเงินอย่างสูงไม่เกิน3,950 บาท หรือ 500 แฟรงก์ทองต่อจดหมาย 1 ฉบับ ทั้งนี้ตามไปรษณีย์นิเทศ พุทธศักราช 2520 ข้อ 146 ไปรษณียภัณฑ์ที่โจทก์ฝากส่งโดยลงทะเบียนและรับประกันกับจำเลยที่ 1 ก็ปรากฏตามใบรับฝากไปรษณียภัณฑ์ที่จำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.7ว่า โจทก์ขอให้รับประกันไว้เป็นจำนวนเงิน 3,950 บาท หรือ500 แฟรงก์ทองเท่านั้น โจทก์หาได้ขอให้จำเลยที่ 1 รับประกันเป็นจำนวนเงินเท่ากับราคาที่โจทก์ระบุแจ้งไว้ในแบบพิมพ์ซี.1 ซึ่งโจทก์ปิดไว้ที่ไปรษณีย์ภัณฑ์ไม่ เมื่อไปรษณีย์ภัณฑ์ที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 รับประกันสูญหายไป โจทก์จึงมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายคือจำนวนเงินที่ขอประกันไว้เป็นเงิน 3,950 บาท หรือ 500 แฟรงก์ทองกับค่าธรรมเนียมฝากส่งและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เว้นแต่ค่าธรรมเนียมรับประกันเป็นเงิน337 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,287 บาท ตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์พุทธศักราช 2477 มาตรา 29 และไปรษณีย์นิเทศพุทธศักราช 2520 ข้อ152, 155 เมื่อจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่ไปรษณียภัณฑ์ของโจทก์ต้องสูญหายไปตามจำนวนเงินดังกล่าวแล้วโจทก์จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามราคาไปรษณียภัณฑ์ที่โจทก์ระบุแจ้งราคาไว้ในแบบพิมพ์ ซี.1 เป็นเงิน 32,000เหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงินไทยจำนวน 667,156.50 บาท ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์พุทธศักราช 2477 มาตรา 30และเป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่โจทก์ขอประกันไว้หาได้ไม่ที่ผู้ร้องสอดฎีกาว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขนส่งถุงไปรษณีย์ซึ่งมีไปรษณียภัณฑ์ของโจทก์รวมอยู่ด้วยจากจำเลยที่ 1 การขนส่งดังกล่าวจึงมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด เมื่อไปรษณียภัณฑ์ของโจทก์สูญหายไป จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 667,156.50 บาทแก่โจทก์ด้วยนั้นเห็นว่าการขนไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จะนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 8 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยที่ 2 ซึ่งมีนิติสัมพันธ์เฉพาะกับจำเลยที่ 1 เท่านั้นจึงมิใช่ผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 โจทก์ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 หามีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่ไปรษณียภัณฑ์ของโจทก์สูญหายไปไม่
พิพากษายืน.

Share