แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์ โดยจำเลยชำระเงินให้โจทก์ส่วนหนึ่ง ส่วนที่ค้างชำระตกลงกันว่า หากไม่นำมาชำระให้จำเลยจะทำภาพยนตร์ตัวอย่างเพื่อโฆษณาร้านค้าให้โจทก์ แต่จำเลยก็ไม่นำเงินที่ค้างมาชำระ และไม่ทำภาพยนตร์โฆษณาให้โจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศที่ค้างชำระดังกล่าวนั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ โดยเปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้จากการที่จำเลยจะต้องชำระเงินมาเป็นหนี้ที่จำเลยจะต้องฉ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าให้โจทก์เสียแล้ว หนี้ที่จำเลยจะต้องชำระเงินย่อมเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงจะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินที่ค้างตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วด้วยการแปลงหนี้ใหม่หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์ราคา ๗,๕๐๐ บาท จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๓,๐๐๐ บาท ยังค้างชำระอีก ๔,๕๐๐ บาท ตกลงกันว่า เงินที่ค้างชำระหนี้ หากจำเลยไม่นำมาชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยจะทำภาพยนตร์ตัวอย่างเพื่อโฆษณาร้านค้าให้โจทก์ แต่จำเลยไม่ทำตามที่ตกลงไว้ ทั้งไม่ยอมนำเงินมาชำระให้โจทก์ ขอศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินที่ค้างจำนวน ๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ซื้อเครื่องปรับอากาศไปจริง แต่ได้ชำระราคาแล้วโดยจำเลยได้จัดทำภาพยนตร์สไลด์หรือไตเติ้ลภาพยนตร์ลงบนฟิล์มภาพยนตร์ของจำเลยเพื่อทำการฉายทั่วประเทศแล้วตามข้อตกลง จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์อีก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยชำระเงินที่ค้าง ๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่า หนี้เครื่องปรับอากาศที่จำเลยยังค้างชำระอยู่ จำเลยจะถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าของโจทก์ขึ้นไตเติ้ลภาพยนตร์ที่จำเลยสร้างและจะทำการฉายทั่วประเทศนั้นเป็นการทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ ซึ่งทำให้หนี้เดิมตามสัญญาซื้อขายระงับไป โจทก์จะฟ้องบังคับไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยประกอบกับข้อความในบิลเงินสด (ใบเสร็จรับเงิน) เอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งมีว่า “จ่ายสด ๓,๐๐๐ บาท ค้าง ๔,๕๐๐ บาท โดยสัญญาจะถ่ายหนังขึ้นไตเติ้ลเพื่อทำการฉายทั่วประเทศให้แก่ เอส.พี.แอร์” และคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยว่า เดิมโจทก์ได้ติดต่อทวงถามจำเลยจะให้มาถ่ายหนัง เมื่อจำเลยไม่มาถ่าย โจทก์โทรศัพท์ถึงจำเลย จำเลยว่ารออีกเดือนหนึ่งจะมาถ่ายให้ แต่แล้วก็ไม่มาเห็นได้ว่าหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศที่จำเลยค้างชำระอยู่ ๔,๕๐๐ บาทนั้น โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้ คือเปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้จากการที่จำเลยจะต้องชำระเงิน ๔,๕๐๐ บาท มาเป็นหนี้ที่จำเลยจะต้องถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณากิจการร้านค้าให้โจทก์ หนี้ที่จำเลยจะต้องชำระเงิน ๔,๕๐๐ บาท ย่อมเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าข้อตกลงที่จำเลยเสนอจะถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาร้านค้าให้โจทก์เป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยมีทางเลือกที่จะชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนให้เห็นว่าเป็นดังโจทก์ฎีกา โจทก์จะฟ้องบังคับชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วด้วยการแปลงหนี้ใหม่หาได้ไม่ฎีกาข้อต่อมาของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาที่แปลงมา อันโจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับ ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่