คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ จึงจัดการโอนโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำไปเป็นลูกจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ.โดยโจทก์ต้องไปเขียนใบสมัครงานใหม่กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ.แต่ไม่ปรากฏว่าได้มีการนับเวลาทำงานติดต่อกัน จึงถือไม่ได้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดศ.รับโอนการจ้างโจทก์จากบริษัทจำเลย กรณีดังนี้ ถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้จัดการโอนโจทก์ไปเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐวิศว์ตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าบริษัทจำเลยไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ขณะนั้นนายธราวุฒิ นันทวิสัย บุตรชายของนายชัยศักดิ์ นันทวิสัย กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยได้ตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด เศรษฐวิศว์ดำเนินกิจการรับเหมาก่อสร้างเช่นเดียวกับบริษัทจำเลย แล้งห้างหุ้นส่วนจำกัด เศรษฐวิศว์ได้รับโอนโจทก์ไปทำงานโดยให้โจทก์เขียนใบสมัครเข้าทำงานกับห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐวิศว์ใหม่ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าบริษัทจำกัดไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ โจทก์ต้องไปเขียนใบสมัครงานใหม่กับห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐวิศว์ แต่ไม่ปรากฏว่าได้มีการนับเวลาทำงานติดต่อกัน จึงถือไม่ได้ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดเศรษฐวิศว์รับโอนการจ้างโจทก์มาจากบริษัทจำเล กรณีดังนี้จึงถือได้ว่า จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์แล้วดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share