คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อขายที่ดินมือเปล่าย่อมกระทำได้โดยทำการตกลงและส่งมอบการครอบครองให้แก่ฝ่ายผู้ซื้อ เมื่อจำเลยและสามีตกลงขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้แก่โจทก์และสามี พร้อมทั้งแสดงเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และสามี โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสมกับจำเลย ซึ่งเป็นสามีภริยากันและมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 732 ได้ร่วมกันขายที่ดินบางส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ดินดังกล่าวให้แก่นายทองสูรย์กับโจทก์ซึ่งเป็นสามีภริยากันหลายครั้ง รวมเนื้อที่ดินประมาณ 3 ไร่ จำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์แล้ว โจทก์ขอให้จำเลยแบ่งแยกและจดทะเบียนที่ดินแต่จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ขาย และบุกรุกเอาที่นาโจทก์เนื้อที่ 2 งานขอให้พิพากษาว่าที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 732 เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เป็นของโจทก์ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนแบ่งแยกให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 732 เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว จำเลยและนายสมไม่เคยแบ่งขายที่ดินให้โจทก์หรือนายทองสูรย์แต่อย่างใด สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาปลอม จำเลยกู้ยืมเงินนายทองสูรย์หลายครั้ง และมอบที่ดินให้นายทองสูรย์ทำกินต่างดอกเบี้ยรวมเนื้อที่ดิน 1 ไร่ 2 งานเศษมิใช่ 3 ไร่เศษ ตามฟ้องโจทก์ จำเลยนำเงินที่กู้ยืมไปชำระโจทก์ไม่ยอมรับชำระหนี้อ้างว่าจำเลยได้ขายที่ดินให้แก่นายทองสูรย์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 732 เนื้อที่โดยประมาณ 2 ไร่ 89 ตารางวาโจทก์มีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในการทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.8 นั้นโจทก์และสามีเป็นผู้ตกลงซื้อจากจำเลยและสามีจำเลย ดังนั้นในสัญญาซื้อขายดังกล่าวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงชื่อแต่เพียงลำพังคนเดียวก็ได้ ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าการซื้อขายย่อมกระทำได้โดยทำการตกลงกันและส่งมอบการครอบครองให้แก่ฝ่ายผู้ซื้อ ซึ่งคดีนี้ก็ปรากฏว่า จำเลยและสามีได้ตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และสามี พร้อมทั้งแสดงเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทโดยการส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และสามีโจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share