แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพ.ศ. 2490 มาตรา 16 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 โดยพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด มีบทบัญญัติมาตรา 30กำหนดหลักการไว้ใกล้เคียงกับมาตรา 16 ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร ดังนี้ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิด โดยกฎหมายที่ใช้ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบแห่งความผิด และเปิดโอกาสให้จำเลย อ้างเหตุผลอันสมควรมาเป็นข้อแก้ตัวได้ จึงต้องถือว่ากฎหมายที่ใช้ภายหลัง เป็นคุณแก่จำเลย และต้องนำมาบังคับใช้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ เวลากลางวัน จำเลยเป็นผู้ทำการขายปลีกไม้ขีดไฟซึ่งเป็นสิ่งของควบคุมการผลิตการจำหน่ายและห้ามค้ากำไรเกินควรตามประกาศของคณะกรรมการการค้ากำไรเกินควร และจำเลยได้ทราบประกาศแล้ว ได้มีนายสมชายกับพวกมาขอซื้อปลีกไม้ขีดไฟจำนวน ๑ ห่อ (ห่อละ ๖๐๐ กลัก) ด้วยเงินสดจากจำเลย อันเป็นจำนวนและปริมาณไม่เกินควรแก่การใช้ แต่จำเลยไม่ยอมขายปลีกให้นายสมชายกับพวกเหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘,๘ ทวิ, ๑๖, ๒๑ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๖, ๗ ประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ป.๑) พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่องควบคุมการผลิตการจำหน่าย และห้ามค้ากำไรเกินควร ซึ่งสิ่งของบางชนิด ลงวันที่ ๑๕ มกราคม๒๕๒๒ บัญชี ก. หมวด ๔ ข้อ ๒ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๗, ๘ และ ๙ และสั่งจ่ายรางวัลแก่ผู้จับกุมตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ขอซื้อไม้ขีดจำนวน ๑ ห่อ (ห่อละ ๖๐๐ กลัก)เป็นปริมาณที่เกินสมควรแก่การใช้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพหมายถึงการยอมรับว่าจำนวนและปริมาณที่ผู้เสียหายขอซื้อนั้นไม่เกินสมควรแก่การใช้ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘, ๘ ทวิ ๑๖, ๒๑ พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๖, ๗ ให้จำคุก๖ เดือน ปรับ ๕,๐๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน ปรับ ๒,๕๐๐ บาท และให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ภายในกำหนด ๓ ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พุทธศักราช๒๔๘๙ มาตรา ๕, ๖, ๗, และ ๘
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ และพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๗ แต่ปรากฏว่าพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนี้ได้ถูกยกเลิกแล้วโดย มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. ๒๕๒๒ ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๒ ศาลฎีกาได้ตรวจพิจารณาพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันกับการผูกขาด พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้ว เห็นว่ามีบทบัญญัติมาตรา ๓๐ ที่ได้ กำหนดหลักการไว้ใกล้เคียงกับบทบัญญัติมาตรา ๑๖ ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. ๒๔๙๐ ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษในคดีนี้โดยได้บัญญัติไว้ว่า มาตรา ๓๐ ห้ามมิให้ ฯลฯ ผู้ประกอบธุรกิจใดซึ่งมีสินค้าควบคุมไว้เพื่อจำหน่ายแล้วไม่นำออกจำหน่ายหรือเสนอขายตามปกติ หรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือประวิงการจำหน่ายหรือส่งมอบสินค้าควบคุมโดยไม่มีเหตุผลสมควร แต่องค์ประการความผิดตามมาตรา ๓๐ นี้ ต่างไปจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖ ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรกล่าวคือ มาตรา ๑๖ กำหนดเป็นความผิดแก่ผู้ทำการขายปลีกซึ่งไม่ขายส่งของแก่ผู้ที่ขอซื้อเป็นจำนวนหรือปริมาณไม่เกินสมควรแก่การใช้ แต่มาตรา ๓๐แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. ๒๕๒๒กำหนดเป็นความผิดแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าควบคุมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หากโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องในขณะนี้โดยมิได้ระบุในฟ้องว่า จำเลยปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรย่อมต้องถือว่าเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบของความผิด และศาลจะพิพากษาโทษจำเลยไม่ได้ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด คดีนี้แตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด โดยกฎหมายที่ใช้ในภายหลังได้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบแห่งความผิด และเปิดโอกาสให้จำเลยอ้างเหตุผลอันสมควรมาเป็นข้อแก้ตัวได้ จึงต้องถือว่ากฎหมายที่ใช้ภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยและจะต้องนำมาบังคับแก่คดีนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓
เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าที่จำเลยไม่ขายไม้ขีดไฟให้แก่ผู้ขอซื้อนั้นได้กระทำไปโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าไม้ขีดไฟที่มีผู้ขอซื้อนั้นเป็นจำนวนหรือปริมาณไม่เกินสมควรแก่การใช้หรือไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง