คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เพิ่งจะได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้วผู้ตาย ซึ่งเป็นบิดาตามคำสั่งศาล และคดีถึงที่สุดเมื่อนายแก้วได้ตายไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยฐานละเมิดที่ทำให้นายแก้วบิดาตนถึงแก่ความตายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์และเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแก้ว สละชุ่ม ตามคำสั่งของศาล และมีนางคำใส ขัทเสมา เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรม เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๐ นายแก้วได้เอามือจับสายลวดที่ดึงเสาโทรศัพท์ของจำเลยที่ ๓ และ ๔ โดยไม่ทราบว่ากระแสไฟฟ้าของจำเลยที่ ๑ และ ๒ อยู่ที่สายลวดดังกล่าว กระแสไฟฟ้าจึงได้ดูดนายแก้วถึงแก่ความตาย ทั้งนี้ เป็นเพราะความประมาทของจำเลยทั้งสี่ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดไร้ค่าอุปการะเลี้ยงดู จึงขอค่าอุปการะเลี้ยงดูค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าเสื้อผ้า ค่ากระทบกระเทือนทางจิตใจและค่าปลงศพรวมเป็นเงิน ๒๗๓,๕๐๐ บาท
จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่เป็นบุตรของนายแก้วจึงไม่มีอำนาจฟ้องและเหตุที่เกิดไม่ใช่ความประมาทของจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ขณะที่นายแก้วตาย โจทก์เป็นเพียงบุตรนอกกฎหมายหรือผู้สืบสันดานเท่านั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ละเมิดได้ส่วนค่าทำศพ นางคำใสมารดาโจทก์เป็นผู้ใช้จ่ายไป และนางคำใสมิได้ฟ้องเรียกค่าทำศพเป็นส่วนตัว จึงบังคับให้ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยฐานละเมิด เรียกเอาค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าทำศพผู้ตายซึ่งเป็นบิดา มิใช่ฟ้องเรียกร้องเรื่องมรดก ฉะนั้นปัญหาที่จำต้องวินิจฉัยในชั้นนี้จึงมีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาจากจำเลยได้หรือไม่มิใช่ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เช่นที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาจึงจะได้วินิจฉัยแต่เฉพาะในปัญหาข้อนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๓๖ วรรคแรก บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของบิดาและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายว่า “บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์”
และมาตรา ๔๔๓ วรรคท้าย บัญญัติว่า “ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
เมื่อกรณีเรื่องนี้ได้ความตามฟ้องโจทก์และรายงานกระบวนพิจารณาของศาลลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๑๑ ว่า โจทก์ทั้งสามเพิ่งจะได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้วผู้ตายซึ่งเป็นบิดาตามคำสั่งศาลและคดีได้ถึงที่สุดแล้วตามมาตรา ๑๕๓๐ ก็ต่อเมื่อนายแก้วได้ตายไปแล้วโดยขณะที่นายแก้วตายนั้น โจทก์ไม่ใช่เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรจากนายแก้ว ฉะนั้น ขณะที่นายแก้วตาย จึงไม่ทำให้โจทก์เป็นบุคคลต้องขาดไร้อุปการะ อันเป็นเหตุให้โจทก์พึงมีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยคดีนี้ได้ และกรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องค่าทำศพของผู้ตายต่อไป เพราะโจทก์มิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์ในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share