แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คู่กรณีฝ่ายใดได้ให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานอย่างใดต่อผู้ร้องในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้ว เมื่อมีปัญหาเป็นประเด็นข้อพิพาทขึ้นสู่ศาล คู่กรณีฝ่ายนั้นย่อมมีสิทธินำสืบข้อเท็จจริงในประเด็นนั้น ๆ ได้ แม้จะเป็นการเพิ่มเติมข้อเท็จจริงก็ตาม หามีกฎหมายห้ามไว้ไม่ เมื่อกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการสืบพยานหลักฐานเป็นไปโดยชอบแล้วพยานหลักฐานที่นำสืบก็ย่อมรับฟังได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้คัดค้านรับโอนสิทธิการเช่าอาคารและที่ดินราชพัสดุมาจากลูกหนี้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจึงไม่เป็นกรณีที่จะเพิกถอนการโอนได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2532 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2533 ขณะนี้ยังไม่พ้นภาวะดังกล่าว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 2 คูหา เลขที่ 188/1-2ถนนธนาลัย ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายเพื่ออยู่อาศัยและประกอบการค้า และเป็นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุ โฉนดเลขที่ 56 เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวาจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2532 ลูกหนี้ได้โอนสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุเลขที่ 188/1-2 และสิทธิการเช่าที่ดินให้แก่ผู้คัดค้านแล้วผู้คัดค้านได้ทำสัญญาเช่าต่อกระทรวงการคลัง การที่ลูกหนี้ได้โอนสิทธิการเช่าอาคารและที่ดินราชพัสดุดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านเป็นการที่ลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระยะเวลา 3 ปี ก่อนและภายหลังที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและเป็นการโอนโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนเป็นเหตุให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการโอนสิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุเลขที่ 188/1-2 และสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุโฉนดเลขที่ 56 ระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาเป็นเงิน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้โดยชอบด้วยกฎหมายก่อนที่ลูกหนี้จะถูกฟ้องคดีล้มละลาย ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านก่อนฟ้องและก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีนี้ การชำระหนี้ของลูกหนี้แก่ผู้คัดค้านกระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนตามสิทธิที่คู่สัญญาพึงมีตามกฎหมายการเช่าอาคารและที่ดินจากราชพัสดุเป็นการกระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้สมยอมกับลูกหนี้ไม่ทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่ทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2532 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2533ลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิการเช่าอาคาร 2 คูหา เลขที่ 188/1-2 และที่ดินราชพัสดุโฉนดเลขที่ 56 แต่ภายในระยะเวลา 3 ปีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลาย ลูกหนี้ได้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวนั้นให้ผู้คัดค้านแล้วผู้คัดค้านได้เข้าทำสัญญาเช่าต่อกระทรวงการคลังสืบต่อจากลูกหนี้ที่ผู้ร้องฎีกาว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านและลูกหนี้เคยให้การไว้ในการสอบสวนของผู้ร้องว่าได้ให้ค่าตอบแทนกันเพียง 200,000 บาท มิได้แสดงหลักฐานว่ามีค่าตอบแทนอย่างอื่นอยู่อีกแต่ในชั้นพิจารณาของศาลผู้คัดค้านมีสิทธินำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มขึ้นอีกได้เป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนนั้น เห็นว่าการที่คู่กรณีฝ่ายใดได้ให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานอย่างใดต่อผู้ร้องในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้วเมื่อมีปัญหาเป็นประเด็นข้อพิพาทขึ้นสู่ศาล คู่กรณีฝ่ายนั้นย่อมมีสิทธินำสืบข้อเท็จจริงในประเด็นนั้น ๆ ได้ แม้จะเป็นการเพิ่มเติมข้อเท็จจริงก็ตาม หามีกฎหมายห้ามไว้ไม่ เมื่อกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการสืบพยานหลักฐานเป็นไปโดยชอบแล้ว พยานหลักฐานที่นำสืบก็ย่อมรับฟังได้ สำหรับกรณีของผู้คัดค้านนี้ข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาของศาลฟังได้ว่าผู้คัดค้านรับโอนสิทธิการเช่าอาคารและที่ดินราชพัสดุมาจากลูกหนี้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจึงไม่เป็นกรณีที่จะเพิกถอนการโอนได้
พิพากษายืน