แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยฝ่ายเดียวยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้ว ต่อมาก่อนที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นยังมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245วรรคสอง และปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2518)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288, 289, 340
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงนายเอนกโดยเจตนาฆ่า ส่วนข้อหาปล้นทรัพย์พยานโจทก์ไม่เห็นจำเลยกับพวกเอาทรัพย์ไป พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ก่อนที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245
ศาลอุทธรณ์ปรึกษาแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทั้งปวงตกอยู่ในความสงสัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีมีปัญหาว่า เมื่อจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ดังกล่าว และศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดคดีถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 หรือว่าคำพิพากษาคดีนี้จะยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้
ปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาได้พิจารณาโดย ที่ประชุมใหญ่แล้ว มีมติว่าศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ส่วนข้อเท็จจริงศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่มั่นคงให้เชื่อได้แน่ว่าจำเลยได้กระทำผิด
พิพากษายืน